แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maxkyac เมื่อ 2016-12-22 06:22
ตอน 3.2 เราสามคน จบตอน ความเดิมตอนที่แล้ว น้องตั้มยังคงนั่งเงียบตลอดทาง สายตาเพ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่แน่ใจอายุแค่นี้เขาคิดอะไรอยู่นะ “ น้องตั้ม” ผมอยากให้น้องตั้มพูดอะไรกับผมบ้าง น้องตั้มหันมามองช้าๆ สีหน้าที่เย็นชา พร้อมกับยกนิ้วชี้ ไปทาบปากที่สวยๆรูปกระจับของตัวเอง แล้วส่ายหน้าให้ผม เป็นสัญญาณว่า “อย่าพึ่งเห่า...เห้ย อย่าพึ่งพูด” ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนถึงจุดหมายร้านอาหารทะเล ผมสั่งอาหารพวกปิ้งย่าง บรรยากาศรอบตัว เสียงสนทนาฟังไม่ได้ศัพท์เหมือนตลาดนัด แต่ทำไมหัวใจผมถึงปกคลุมไปด้วยความเงียบเหงา สมองผมตื้อมัน อึนๆเหมือนคอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส น้องตั้มขอตัวไปเข้าห้องน้ำผมพยักหน้ารับทราบ ระหว่างที่รออาหารจู่ๆเสียงเพลงเก่าๆของลุงอิทธิดังขึ้น ดึงผมออกจากภวังค์ในทันที ใครนะช่างไปขุดเพลงเก่ารุ่นพ่อขึ้นมา...แต่ทำไมมันสะกิดใจจนผมต้องตั้งใจฟัง ฉันคนหนึ่งเธอคนหนึ่ง เขาคนหนึ่ง เราสามคน แล้วคนหนึ่งรักคนหนึ่ง เหลือคนหนึ่ง อยู่เพื่อใคร จนใจพุดไม่ออกไม่มีใครมีทางออก ฉีกเส้นทางสามทาง ออกจากกันแยกใจไว้สองทาง จบความหลังไปที เจ็บอย่างนี้ไม่มีต่อไป ฉันคนหนึ่งเธอคนหนึ่ง เขาคนหนึ่ง เราสามคน แล้วคนหนึ่งรักคนหนึ่ง เหลือคนหนึ่ง อยู่เพื่อใคร จนใจพุดไม่ออกไม่มีใครมีทางออก ฉีกเส้นทางสามทาง ออกจากกันแยกใจไว้สองทาง จบความหลังไปที เจ็บอย่างนี้ไม่มีต่อไป คนหนึ่งเป็นเช่นดั่งเพื่อนตายคนหนึ่งเป็นดั่งลมหายใจ ใจเจ้ากรรมเจ็บช้ำเท่าไร เราสามคน คงต้องมีใครเป็นฝ่ายไป " ผมนั่งฟังเพลงเพลินๆน้องตั้มก็กลับมา แต่ไม่ลงกลับเดินมาข้างหลังผม ตั้มคล้องแขนจากข้างหลังกอดคอผม โน้มตัวลงมาหน้าแนบข้างหู ลมหายใจอุ่นๆปะทะติ่งหู มันทำให้ผมเสียวซ่านได้ไม่น้อย ผมจับแขนตั้มไว้อยากให้ หยุดเวลาไว้แค่นี้ เวลาที่มีแค่ผมกับน้องตั้ม แค่เรา2 คน ผมอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้ของที่หายไปนานกลับคืน “ เพลงเพราะป่ะ “ น้องตั้มเอ่ยขึ้น ด้วยหน้านิ่งๆยักยิ้มมุมปาก สายตาแบบนี้ผมเดาไม่ถูกจริงๆอารมณ์ใหนกันนะ “ อืมมม เพราะดี แต่มันหน่วงๆยังไงไม่รู้ “ ผมตอบโดยไม่มองหน้าตั้ม แต่บีบมือตั้มเบาๆ “ ตั้มเปิดให้พี่โดยเฉพาะเลยนะ “ ผมเย็นวาบไปทั้งตัว มันเคว้งเหมือนเรายืนอยู่บนหน้าผาที่สูงชัน พอดีอาหารมาพอดีบทสนทนาจึงได้หยุดลงแค่นั้น น้องตั้มเดินไปนั่งโต๊ะตรงข้ามผม ตาแดงมีน้ำขังในดวงตา คู่นั้น ผมทำทีไม่ใส่ใจแกล้งหยิบนุ่นจับนี่ย่างไปเรื่อย ผมคีบชิ้นที่สุกแล้ววางลงในจานของน้องตั้ม “ ขอบคุณครับ ตั้ม หยิบเองก็ได้ พี่ทานไปเถอะ “ น้องตั้มเอ่ยขอบคุณโดยไม่ได้มองหน้าผม “ น้องตั้ม ไม่สบายหรือเปล่าครับ ดูซึมๆพี่อยากเห็นน้องตั้มคนเดิมนะครับ “ ผมตัดสินใจถาม คลายความอึดอัด “ ตั้ม ปวดหัวนิดหน่อยคับ “ ตั้มมองหน้าผมด้วยดวงตาแดงก่ำ ตามมาด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนๆของเด็กน้อย “ น้องตั้ม ช่วยพูดความจริงกับพี่ได้ใหมครับ “ ผมจ้องหน้าน้องตั้ม เพื่อค้นหาความจริง “ พี่แม็ก ถ้าวันนึงพี่จำเป็นต้องเลือก ตั้มจะมีสิทธิได้เป็นตัวเลือกของพี่มั้ยคับ ตั้มกลัวๆจะถึงนั้นวันนั้น ถ้าต้องเสียพี่ไป ตั้มยังนึกไม่ออกว่า ตั้มจะมีชีวิตต่อไปยังไง “ ผมอึ้งที่ได้ยินคำตอบเด็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าน้องจะคิดได้ไกลขนาดนั้น ทั้งที่ตัวผมเองยังไม่เคยคิดไปถึงจุดนั้นเลย ผมเอื้อมมือไปประสารมือน้อยๆ ยิ้มให้ทำนองว่า อย่าคิดมากนะ “ น้องตั้มครับ ฟังพี่นะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่มีวันทิ้งตั้มเด็ดขาด พี่สัญญา “ ผมพูดในสิ่งที่ใจสั่งมา “ พี่สัญญาแล้วนะ ตั้ม แค่กลัวอะคับ “ ผมได้เห็นรอยยิ้มแรกของ ตั้มในรอบวัน “ ครับ ป่ะๆ กินกันได้ละ สั่งมากินนะ ไม่ใช่มานั่งดู “ผมแกะกุ้งจิ้มน้ำจิ้มป้อนน้องตั้ม น้องตั้มยิ้มขอบคุณ 20:45 น. เสียงคลื่นกระทบฝั่งพร้อมกลิ่นสาบน้ำยามเย็นของแม่น้ำเจ้าพระยา เราสองคนนั้งทอดอารมณ์ภายในอ้อมกอดของกันและกันบนสนามหญ้าของโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ผมมองนาฬิกาได้เวลาต้องไปรับเมียที่กำลังเลิกงาน ผมกอดน้องตั้มบรรจงจูบที่หน้าผากเบาๆ ก่อนออกรถไปส่งน้องตั้มหน้าเซเว่นที่ๆพบรักของเรา ผมหอมแก้มตั้มอีกครั้งก่อนเปิดประตู น้องตั้มยืนมองจนรถผมลับสายตา บึ่งรถไปจุดหมายคือสุขุมวิท แต่บนถนนชีวิตที่มีเราสามคน ...ถึงเวลาแล้วใช่ใหมที่ผมต้องเลือก
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ เรื่องราวกำลังเข้มข้น รักสามเส้าจะลงเอยแบบใหน... ลองเดากันดูนะครับ เขียนตอนนี้กว่าจะจบตอนได้ เพราะกลั้นน้ำตาไม่ไหว
|