ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 517|ตอบกลับ: 0

เรื่องเล่าเหมียวเหมียว ตอน เทพีแห่งแมว

[คัดลอกลิงก์]
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับมงกุฎ

เรื่องเล่าเหมียวเหมียว ตอน เทพีแห่งแมว




เทพีแห่งแมว (Cat magazine)
คอลัมน์ Cat Secret เรื่องโดย : แมวอ้วนชอบทำหูทวนลม


         หลังจากมาส่งข่าวสารและแถลงการณ์เรื่อง "แมวหมื่นปี" ไปเมื่อคราวก่อน ไอ้ตุ๊บป่องนักข่าวตัวแสบประจำหมู่บ้านก็หายเงียบไปนานอีกครั้ง แมวซอยข้าง ๆ ซุบซิบกันว่า ไอ้ตุ๊บป่อง ไปทำสาวท้อง ป่านนี้คงกลายเป็นพ่อลูกอ่อนอยู่ ทำเอาพี่เสือเซ็ง เพราะรอให้ไอ้ตุ๊บป่องมาเล่าประวัติแมวยุคโบราณ ต่อจากที่ค้างไว้ แต่ด้วยความโชคดีของพี่เสือให้บังเอิญตอนกระโดดขึ้นไปนอนบนชั้น หนังสือโชคร้ายเล่มหนึ่งก็หล่นตุ้บลงมาแผ่หลาอยู่ตรงหน้าที่เล่าเกี่ยวกับ "แมว-สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยอียิปต์โบราณ" อย่างได้จังหวะพอดิบพอดี

         ...ภาพประกอบภาพหนึ่งเป็นรูปหญิงสาวมีหัวเป็นแมว แต่งตัวประหลาดอย่างที่พี่เสือไม่เคยเห็นมาก่อน...พี่เสือรีบเข้าไปนอนเอาขาก่ายทับหน้านั้นไว้ทันที "ไหนลองอ่านดูหน่อยซิ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน"...ใจความสำคัญในหนังสือนั้น เล่าว่า...

         ในยุคสมัยอาณาจักรอียิปต์โบราณ สัตว์แทบทุกชนิดล้วนมีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าหรือเทพีในฐานะสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า มีการใช้สัตว์บวงสรวงเพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองมนุษย์จากภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังทางธรรมชาติ ในขณะที่สัตว์บางชนิดได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจที่ชั่วร้าย วิหารเทวีไอซิสที่ฟิเล นักบวชประจำวิหารได้เลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก เพราะแมวถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทวีไอซิส (มเหสีของเทพเจ้าโอซิริส-เทพเจ้าที่ชาวอียิปต์ให้ความเคารพบูชามากที่สุด)

         เทพีของอียิปต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับแมวโดยตรง คือ เทพีบาสเซ็ท (BASTET) เทพประจำนครบูบาสติส เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความปิติยินดี นอกจากนี้ยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสตรี มารดา รวมถึงแมวอีกด้วย เทพีบาสเซ็ทมักปรากฏบนภาพเขียนฝาผนังเป็นรูปสตรีที่มีศีรษะเป็นหัวแมวมือข้างหนึ่งถือซีสทรัม เครื่องดนตรีโบราณชนิดหนึ่งของอียิปต์ที่ใช้ในการประกอบพิธี หรืออาจปรากฏในรูปแมวเต็มตัวก็ได้ ความสำคัญของเทพีบาสเซ็ทได้มาถึงจุดสูงสุดเมื่อราว 945 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อนครบูบาสติสได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ ทำให้เทพีบาสเซ็ทซึ่งเป็นเทพประจำนครมาแต่เดิมมีสถานะกลายเป็นเทพสูงสุดของทั้งอาณาจักรไปด้วย






         งานฉลองเพื่อบูชาเทพีบาสเซ็ทในยุคนั้นจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดางานบูชาเทพเจ้ามีบันทึกกล่าวไว้ว่า ผู้คนต่างหลั่งไหลจากทั่วอียิปต์นับเจ็ดแสนคน เพื่อมาร่วมงานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและจัดขึ้นอย่างฟุ่มเฟือย ความเลื่อมใสศรัทธาในเทพีบาสเซ็ทนี้ได้แผ่นกระจายออกไปอย่างกว้างขวางผ่านยุคสมัยกรีก โรมัน ไปยังดินแดนหลายแห่งในยุโรป พิธีนี้เป็นที่นิยมอยู่ราวสองพันปี จนกระทั่งถูกห้าม อย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 390 ซึ่งเป็นช่วงที่พิธีได้เสื่อม ความนิยมไปมากแล้ว ปัจจุบันอียิปต์ได้ประกาศให้วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันเฉลิมฉลองเทพีบาสเซ็ท

         วิหารของเทพีบาสเซ็ทตั้งอยู่ที่เมืองบูบาสติส ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เทล-บาสตา ก่อสร้างด้วยหินแกรนิตสีแดงตั้งอยู่ภายในหุบเขา ปัจจุบันเหลือเพียงสภาพปรักหักฟังเท่านั้น ในสมัยอียิปต์โบราณนั้นให้ความสำคัญกับแมวมากจนเรียกได้ว่ามีสถานะกึ่งเทพเลยทีเดียว หากใครทำร้ายแมวไม่ว่าจงใจหรือด้วยอุบัติเหตุจะถูกลงโทษถึงตาย และหากบ้านใดมีแมวตาย สมาชิกทุกคนในบ้านจะต้องไว้ทุกข์ด้วยการโกนคิ้วของตัวเองออก นำซากของแมวไปทำมัมมี่แล้วนำไปฝังไว้ในสุสานใกล้วิหารเทพีบาสเซ็ทที่เมืองบูบาสติส การขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าที่นี่เป็นสุสานแมวที่ใหญ่ที่สุด มีกองกระดูกแมวทับถมเป็นภูเขาและกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ปะปนอยู่กับหน้ากากแมวที่ใช้สำหรับตกแต่งมัมมี่เศษผ้าลินิน รวมถึงเทวรูปแมวที่ชำรุดจำนวนมาก

         ชาวอียิปต์โบราณนั้นเรียกแมวว่า "มิว" หรือ "เมียว" ซึ่งเลียนมาจากเสียงร้องของแมว ความนิยมในการเลี้ยงแมวอย่างแพร่หลายของชาวอียิปต์น่าจะมาจากความสามารถในการกำจัดหนูและสัตว์รบกวนที่คอยทำลายพืชผลทางการเกษตร แมวช่วยควบคุมปริมาณหนู ช่วยลดการแพร่เชื้อกาฬโรคซึ่งเป็นโรคระบาดสำคัญในยุคนั้น นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อียิปต์ สามารถแผ่ขยายอาณาจักรออกไปได้กว้างใหญ่นับเป็นเวลาหลายพันปี

         พี่เสืออ่านถึงตอนนี้ก็ยิ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ "บรรพบุรุษแมวของเรา มีความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ ช่วยให้อียิปต์ขยายอาณาจักรได้ด้วย ไม่เบาเลยแฮะ"






         หลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างแมวในฐานะสัตว์เลี้ยงของชาวอียิปต์ยุคโบราณปรากฎในภาพเขียน ภาพแกะสลักบนผนังกำแพงวิหาร รวมถึงภาพเขียนบนกระดาษปาปิรุส ในลักษณะภาพแมวที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้เลี้ยงหรือเจ้านายในลักษณะคอยรับใช้บางภาพเป็นแมวที่กำลังคาบนกที่ถูกยิงด้วยธนู เห็นได้ว่าอาจมีการฝึกแมวเพื่อใช้งานในยุคสมัยนั้น และยังเชื่อกันว่ามีแมวบางชนิดสามารถจับงู ฆ่างูพิษอย่างงูเห่าได้อีกด้วย เพราะเหตุนี้ชาวอียิปต์โบราณซึ่งเห็นงูเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ จึงถือว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าราหรือสุริยเทพ (เทพผู้เป็นบิดาของมนุษย์และสัตว์รวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก)

         ในยุคอาณาจักรสมัยใหม่มีความเชื่อว่าแมวตัวผู้เป็นร่างจำแลงของเทพเจ้ารา ส่วนแมวตัวเมียเป็นพระเนตรของพระองค์มีตำนานหนึ่งเล่าว่าเทพเจ้าราและเหล่าเทพเจ้าบริวารจะเดินทางข้ามขอบฟ้าในทุกค่ำคืน โดยเทพีบาสเซ็ทจะเก็บแสงอาทิตย์ไว้ในดวงตาเพื่อช่วยส่องทางให้ (สอดคล้องกับความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น ที่เชื่อว่าตาแมวเปลี่ยนสีไปตามการโคจรของดวงอาทิตย์ เมื่อแสงแดดจ้าตาแมวจะสีคล้ายทองคำมากที่สุด พอตกกลางคืนตาจะเปิดกว้างเป็นสีดำ) การเดินทางแต่ละครั้งเทพเจ้าราและบริวารต้องต่อสู้กับงูยักษ์อะโปฟีสที่มาขัดวาง ครั้งหนึ่งทรงเนรมิตร่างเป็นแมวเพื่อปราบงูยักษ์อะโปฟีสจนราบคาบ การต่อสู้นั้น หากฝ่ายราชนะก็จะนำแสงสว่างมาสู้โลกในวันรุ่งขึ้น ส่วนอะโปฟีสจะบาดเจ็บแต่ก็จะหายสนิทและกลับมาสู้กันอีกในราตรีถัดไป แต่หากอะโปฟีสเป็นฝ่ายชนะวันรุ่งขึ้นจะไม่มีแสงสว่าง ซึ่งหมายถึงการเกิดสุริยคราสนั่นเอง ผู้คนยุคนั้นจะส่งเสียงให้งูตกใจปล่อยเรา และแสงอาทิตย์จะกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง






         อ่านมาถึงตอนนี้ พี่เสือก็เริ่มงง "ตำนานเทพเจ้าของอียิปต์นี่สนุกจังแฮะ แต่ว่าเรื่องตาแมวเปลี่ยนสีนี่ พี่เสือจะไม่เปิดแถลงข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนหรอกว่า ที่ตาแมวเปลี่ยนสีไม่ใช่ที่สีตา แต่เป็นความกว้างของรูม่านตาต่างหากที่สามารถหดยืดได้ตามปริมาณแสง เวลากลางวันแสงจ้าเลยต้องหรี่รูม่านตาลงเพื่อให้แสงเข้าได้น้อยลงจะได้มองชัดขึ้น เวลากลางคืนแสงน้อยก็จะขยายกว้าง เพื่อให้เห็นเหยื่อได้ชัดในที่สลัวยังไงล่ะ...แมวไม่ได้เก็บแสงไว้ในดวงตาได้ซะหน่อย

      

แหม! นี่ถ้าชาวอียิปต์รู้เรื่องแมวแบบนักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ล่ะก็ แมวอาจจะอดมีส่วนในตำนานเทพที่มีคนนับถือมากมายก็ได้นะ...ใครจะรู้




ขอขอบคุณข้อมูลจาก


การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต ...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-26 14:57 , Processed in 0.075867 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้