regis โพสต์ 2012-7-26 21:56:31

รอต่อนะครับ

salut โพสต์ 2012-7-27 18:43:18

บทที่ห้าใช่รักหรือเปล่า (วัยทองคะนองรัก)

ตกลงวันนั้นผมก็ต้องเข้าไปทำงานกับหัวหน้าคือแบบว่า จะอธิบายยังงัยดีล่ะ หัวหน้าของผมเนี่ย ดูแล้วอายุน่าจะประมาณ สามสิบปลาย ๆ แต่งตัวเสื้อเชิ้ตรัดรูป กางเกงสแลครัดเป้า สีผมทำไฮไลท์รองเท้าหัวแหลมถ้าเป็นสมัยนี้เค้าคงเรียกว่า เมโทรเซ็กช่วล ได้มั้ง แต่สมัยนั้น ถ้าใครเห็นแต่งตัวแบบนั้น ก็รู้ได้เลยว่า เกย์ออกสาว ชัดๆ พี่เค้าชื่อ นพดล ครับ แต่เค้าให้ผมเรียกเขาว่า พี่นพ เฉยๆ (แต่อยากเรียกว่าลุงมากกว่า) แต่เท่าที่ผมสังเกตุ ก็เห็นว่า พี่นพเขาจะชอบให้คนอื่นเรียกว่าหัวหน้ามากกว่าพี่นพให้ผมไปนั่งโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับเขา เวลาที่ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วเจอว่า เขากำลังพยายามทำตาหวานเชื่อมใส่โอยยยย ผมรู้สึกว่าขนลุกจริงๆนะ แล้วก็วันนี้รู้สึกว่าหัวหน้ามาตรวจงานบ่อยเหลือเกิน เดินมาแล้ว เอามือมาโอบมั่ง พยายามเอาหน้ามาไกล้ๆ ซอกคอผมมั่ง ถ้าตอนนั้นผมมีข้าวสารเสก คงได้เขวี้ยงไปแล้วล่ะ สยองจริงๆซึ่งผมก็ยอมรับนะว่าผมเป็นเกย์ แต่มาขนาดนี้ รับไม่ไหวอ่าแล้ววันนั้นทั้งวัน ในหัวผมก็พยายามคิดว่า พี่เลี้ยงของผมจะใช่คนเดียวกับ พี่ศักดิ์เพื่อนพี่เชษฐ์หรือเปล่า
วันนี้เวลาผ่านไปไวเหมือนหอยทากเดิน (สรุปว่าช้านั่นแหล่ะ) หลังจากที่ผจญกรรมกับเฒ่าหัวงู กับการโดนแต๊ะอั๋งเป็นครั้งที่ 245(ไม่ได้นับหรอกครับ แต่คิดว่าน่าจะประมาณนั้น ไม่นับรวมตอนจะอ๊วกเวลาโดนทำตาหวานใส่) ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานผมรีบเก็บข้าวของใส่เป้ แล้วรีบเดินออกไปจาสำนักงานไปยืนรอที่หน้าตึก สักพักนึงก็มีมอเตอร์ไซด์ขับมา พี่เชษฐ์นั่นเองพอมาถึงพี่เค้าก็ถามผมว่ารอนานหรือปล่าวผมก็ตอบว่าไม่นาน แล้วพี่เค้าก็ยื่นหมวกกันน็อคมาให้ สงสัยยืมมาจากที่ทำงาน แล้วเราสองคนก็ขับรถไปโรงพยาบาลกัน
พอมาถึงโรงพยาบาลซึ่งตอนนี้ ประชาสัมพันธ์บอกเราว่า พี่ศักดิ์ได้ย้ายออกมาจากห้องพักฟื้น มายังห้องพักธรรมดาแล้วพอเราไปถึงห้อง ก็พบว่า เป็นห้องพักขนาด สี่เตียง แต่วันนั้นทั้งห้องมีพี่ศักดิ์ นอนพักอยู่คนเดียว พยาบาลที่ดูแลก็เข้ามาตรวจดูอาการ แล้วก็เล่าให้ฟังว่า เพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อตอนบ่ายๆนี่เอง พอหมอมาตรวจเสร็จก็หลับต่อ ยังไม่ตื่นเลย หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้ว พี่เชษฐ์ได้เอามือไปจับมือของพี่ศักดิ์แล้วบีบเบาๆ แล้วพูดว่า
“กูไม่เคยรู้เลยนะว่า ความรักทำให้มึงเป็นแบบนี้ได้”
ผมได้แต่ผมดูการกระทำของพี่เชษฐ์ แล้วย้อนมาถามตัวเองว่า ถ้าผมมีความรัก แล้วผมจะเป็นแบบไหนกัน จะมีความสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน หรือว่าวันหนึ่ง คนรักของผมจากไป แล้วผมจะเป็นแบบพี่ศักดิ์หรือเปล่าผมคิดไปต่างๆนานา ตามประสาคนที่ยังไม่รู้จักความรักดีพอ สักพักนึง พี่เชษฐ์ก็ชวนผมกลับ ก่อนที่จะออกจากห้องไป พี่เชษฐ์ก็ได้พูดกับพี่ศักดิ์ซึ่งนอนหลับอยู่ว่า หายไวๆนะ กูรอเตะมึงอยู่ ก่อนที่เราจะกลับไปถึงบ้าน พวกเราสองคนได้แวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยก่อนวันนั้นผมจำได้ว่า เราสองคนสั่งกระเพราหมูสับไข่เจียว (วันนี้ครีเอทขึ้นมาหน่อย) แต่ผมสังเกตุว่า พี่เชษฐ์อารมณ์ดีกว่าวันก่อนขึ้นเยอะเลย เขายังถามผมเกี่ยวกับที่ทำงานใหม่ กับเพื่อน รวมไปถึงที่บ้านสวนของผมด้วย รอยยิ้มของพี่เชษฐ์วันนี้ ทำให้ผมรู้สึกประหม่าน้อยลง และรู้สึกว่าโลกของเราสองคนได้ไกล้กันมากขึ้น

salut โพสต์ 2012-7-27 18:45:10

บทที่หกยิ่งไกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว (ยืมเพลงเค้ามา)

กว่าเราสองคนจะกินเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้านก็เกือบๆสองทุ่มครับ พี่เชษฐ์ก็ได้ขับรถมาส่งผมที่หน้าบ้าน พอพี่เขาจอดรถผมก็ถอดหมวกกันน๊อคกำลังจะคืนพี่เขาไป พี่เชษฐ์ก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“โม ช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนได้มั้ย”
“หา เอ่อ.. ได้ครับ เด๋วผมขอเอาของไปเก็บแล้วอาบน้ำก่อนแล้วกัน”ผมตอบตกลงพี่เค้าไป แล้วเข้าบ้านเอาของไปเก็บแล้วอาบน้ำ พอเสร็จแล้วผมก็เลยเดินไปยังบ้านพี่เชษฐ์ เคาะประตูเรียก
“เด๋วนะ พี่อาบน้ำอยู่ รอแป๊บนึง” ผมเลยยืนรออยู่หน้าประตู สักครู่นึง พี่เชษฐ์ก็มาเปิดประตูให้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตะลึงคือ พี่เชษฐ์ออกมาพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ตามตัว ผมมองไปยังกล้ามหน้าอกที่แกร่ง กล้ามแขนได้รูป ไม่ใหญ่เกินไปเหมือนคนที่เล่นกล้าม หน้าท้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นซิกแพค แต่ก็ยังพอมีกล้ามให้เห็นรวมถึง ขนไรอ่อนๆตั้งแต่หน้าจนถึงหน้าท้องไล่เรื่อยจนหายลงไปในปมผ้าเช็ดตัว ผิวสีแทนกำลังพอดี ไม่คล้ำมากทั้งหมดที่ผมเห็นมันให้ทำต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“เข้ามาก่อนสิ เด๋วพี่ไปใส่เสื้อผ้าก่อน “ พี่เชษฐ์ชวนผมเข้าบ้านผมจึงเดินเข้าไปนั่งยังโซฟา หน้าทีวีพักนึงพี่เชษฐ์ก็ออกมากับชุดเสื้อกล้ามสีขาว กับกางเกงบอลสีเลือดหมู พี่เชษฐ์ได้เข้ามานั่งข้างผม แล้วยกแขนพาดไปกับพนักโซฟาข้างหลัง เหมือนกับโอบไหล่ผมอยู่ ผมเริ่มรู้สึกเกร็งมากขึ้น เลยนั่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น พี่เชษฐ์คงเห็น เลยหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า
“เป็นไรอ่ะโม นั่งแบบนั้นไม่เมื่อยเหรอ “ พี่เชษฐ์ถาม ในขณะเดียวกัน พี่เค้าก็จับหัวผมมาพิงที่ไหล่ของเค้า แล้วเอาแขนมาพาดที่ไหล่ของผมแทนแต่แปลกเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ยักกะเห็นหัวใจเต้นแรงๆแบบเมื่อวันก่อนแล้ว กลายเป็นว่ามีความอบอุ่นเข้ามาแทนที่นั่งได้สักพักนึง ก็รู้สึกง่วง เลยหลับไปโดยที่ยังพิงไหล่ ของพี่เชษฐ์ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ครับ เพราะรู้สึกอุนสบายดีจนไม่อยากตื่น แต่ผมลืมตาขึ้นมาอีกที เพราะรู้สึกว่า มีอะไรมาสัมผัสที่แก้มเบาๆ ผมจึงลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนที่ตักของพี่เขาอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ ขอโทษนะ ทำงานเหนื่อยๆยังอุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนอีก ไปนอนดีกว่า จะเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง”ผมจึงเดินงัวเงียออกจากบ้านพี่เขามา ก่อนที่ผมจะหลับไป ผมยังคิดอยู่ว่า ตอนที่ผมหลับอยู่มีอะไรมาแตะเบาๆที่แก้มมันคืออะไรกันแน่นะ
เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันศุกร์ครับวันสุดท้ายของการทำงานแล้ว(เอาเป็นว่าอาทิตย์แรกของการทำงานผมทำได้สามวันเอง)เหมือนเดิมครับ ตื่นขึ้นมาก็เข้าห้องน้ำ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว เตรียมออกไปทำงาน วันนี้ตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงาน แต่วันนี้แปลกหน่อยครับ พอผมออกมาจากประตูบ้านแล้วก็เจอกับพี่เชษฐ์ นั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซด์ของพี่เขา พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวไปเยี่ยมพี่ศักดิ์ก่อนไปทำงาน เลยรอว่าโมจะไปด้วยมั้ย โดยไม่ต้องรอคำตอบ พี่เชษฐ์ก็ได้ยื่นหมวกกันน็อคมาให้ผมใส่วันนี้ผมเริ่มที่จะรู้งานแล้วครับ ว่าต้องนั่งแบบไหน อิอิ พอขึ้นไปซ้อนท้ายแล้วก็เอามือไปกอดเอวพี่เขา พี่เชษฐ์หันมามองแล้วก็ยิ้มๆวันนี้ใจเต้นไม่ค่อยแรงเหมือนกับวันก่อนๆแล้ว แต่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่แบบนี้นานๆน่ะคัรบ ก็ขับไปเรื่อยๆ สักครู่นึงก็ถึงโรงพยาบาล จอดรถไว้ในที่จอด แล้วก็พากันขึ้นไปยังห้องพัก พอเข้าไปในห้องแล้ว ก็เจอกับพยาบาลกำลงัวัดไข้อยู่ พี่ศักดิ์ก็ฟิ้นแล้วครับ แต่ดูจากสีหน้าก็เหมือนกับยังมึนๆอยู่พอพยาบาลวัดไข้เสร็จพี่เชษฐ์ก็เดินไปข้างเตียง แล้วก็จับมือพี่ศักดิ์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองตากันแบบนั้น
“กูขอโทษว่ะ กู..............ผิ ดไปแล้ว”   ในที่สุด พี่ศักดิ์ก็พูดขึ้นมาก่อน
“อืม ทีหลังมึงอย่าทำแบบนี้อีก อยากตายบอกกู เดี๋ยวกูจัดให้”พี่เชษฐ์พูดแล้วทำหน้าตาขึงขัง
“เออ กูรู้แล้วว่ะ ว่าตอนกำลังจะตายมันทรมานแบบนี้ กูขอแก่ตายดีกว่าว่ะ ฮ่ะๆๆ ว่าแต่ใครนั่นอ่ะ แฟนใหม่มึงเหรอ”พี่ศักดิ์ มองมาที่ผม
“เฮ้ย ไอ้`ตัวเงินตัวทอง` ป่าวโว้ย นี่ โม คนข้างบ้านที่มึงไปปล้ำวันนั้นงัย เค้ายังหามมึงมาส่งที่นี่เลย”
“เออ พี่ขอโทษแล้วกันนะ วันนั้นเมาไม่รู้เรื่อง เห็นอะไรเป็นหน้าแฟนพี่ไปหมด” พี่ศักดิ์พูดขอโทษผมแต่พอพูดถึงแฟนก็มีสีหน้าสลดลง
“ไม่เป็นไรครับฮ่ะๆๆ”ผมหัวเราะแก้เขิน ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีนี่นา พอดีพยาบาลเข้าถือถาดอาหารเข้ามา พี่เชษฐ์เลยบอกให้ผมอยู่กับพี่ศักดิ์เพราะเขาจะไปคุยกับหมอก่อน
“ผมช่วยนะครับ” ผมพูดพลางดึงโต๊ะอาหารออกมาจากข้างเตียงแล้วเอาอาหารวางไว้บนนั้น แล้วช่วยพยุงพี่ศักดิ์ลุกขึ้นมานั่ง
“อื้ม ขอบใจนะ ว่าแต่เราไม่ไปทำงานเหรอ วันนี้” พี่ศักดิ์ถามผมขึ้นมา
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ อีกตั้งนานกว่าจะเริ่มงาน” ผมตอบ เพราะตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้าหน่อยๆเอง ผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเช้าๆเท่าไหร่ นึกถึงหน้าหัวหน้าแล้วขนลุกทุกที ไม่รู้ว่าจะรอดไปถึงวันไหนเนี่ย
“กับข้าวโรงบาลเนี่ย มันจืดจังเนาะ ว่ามั้ย “พี่ศักดิ์พูดขึ้นมา ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ คิดในใจว่า ก็เป็นอาหารคนไข้นี่นา ครู่นึงพี่ศักดิ์ก็ทานจนหมด ผมก็ช่วยเอาโต๊ะลงไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม เราสองคนก็นิ่งอยู่พักนึง จนพี่ศักดิ์ถามออกมาว่า
“ชอบไอ้เชษฐ์มันเหรอ เราน่ะ”

salut โพสต์ 2012-7-28 16:52:50

มาต่อแว้วครับ

salut โพสต์ 2012-7-28 16:54:03

บทที่หกอยากรู้แต่ไม่อยากถาม (ยืมเพลงเค้ามาอีกแระ)

“หา ............เอ่อ......... อ่า............... “ผมทำหน้าเหลอหลาตกใจ ไม่นึกว่าพี่ศักดิ์เค้าจะถามผมแบบนี้
“ล้อเล่นน่ะพี่ ผมกับพี่เชษฐ์ เป็นผู้ชายนะคัรบ”อะไรวะเนี่ย จะมาไม้ไหนอีกล่ะ แล้วพยายามทำหน้าตาให้เป็นปกติ
“ไม่ใช่ว่าจะชอบกันไม่ได้นี่”   พี่ศักดิ์ค้านขึ้น   “ลองดูกันไปก็แล้วกัน ฮ่ะๆๆ”
ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงล่ะคัรบ ก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วก็ยิ้มไป พอดีพี่เชษฐ์เดินเข้ามา แล้วบอกว่า พรุ่งนี้พี่ศักดิ์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะมารับแล้วกันพอตกลงได้ดังนั้น พวกเราก็เลยออกมาจากห้องลงไปที่ลานจอดรถ ในระหว่างที่ผมกับพี่เชษฐ์เดินไปที่รถ พี่เชษฐ์ก็ได้ถามผมว่า คุยอะไรกับพี่ศักดิ์บ้าง ผมก็ตอบไปว่าก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก แค่แนะนำตัวแค่นั้นล่ะครับ แล้วพี่เชษฐ์ก็ยังบอกว่า ที่พี่ศักด์พูดน่ะ อย่าไปคิดมากนะ มันน่ะ ไร้สาระอย่างนี้แหล่ะพอได้ยินใจผมก็วูบลง แล้วคิดว่า แล้วไอ้ความรู้สึกที่ผมมีกับพี่ตอนนี้ มันเป็นอะไรกันแน่ครับ
วันนี้พี่เชษฐ์ก็อุตส่าห์ขับรถมาส่งที่หน้าตึกเหมือนเดิม แต่ผู้คนก็เริ่มบางตาลงแล้ว ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกอายเท่าไหร่ แต่ก็เสียงหนึ่งดังทักขึ้นมาด้านหลัง
“พ่อมาส่งอีกแล้วเหรอมึง “ไอ้ต้นเพื่อนผมน่ะเอง
“ซ่งติงน่ะสิ มึง สายจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เข้างานอีก เด๋วเค้าก็ไล่ออก หรอก`ตัวเงินตัวทอง`”
“เหอๆ มึงนี่ ไม่ยอมกูเลยนะ ว่าแต่ทำงานเป็นยังงัยบ้างวะ”
“ก็ดีว่ะ ติดอยู่อย่างเดียว หัวหน้าโคตรหื่น กูถึงสงสัยอยู่เนี่ย ว่าแผนกกูทำไมไม่มีผู้ชายทำงานเลย”
“เออ ระวังตูดมึงดีๆแล้วกัน ยิ่งหน้ารูปร่างแบบตาแบบมึงเนี่ย เกย์เค้าชอบ ฮ่าๆๆ”
“เยะตูดมึงก่อนน่ะสิ เชี่ย”พอดีลิฟท์ถึงชั้นที่ทำงานของไอ้ต้นก่อน มันเลยรอดจากลูกเตะผมไปได้
วันนี้ผมก็ทำงานทั้งวัน โดยมีหัวหน้าหาเรื่องแตะอั๋งอยู่ตลอด เมื่อไหร่พี่เลี้ยงผมจะมานะเนี่ย ความบริสุทธ์จะอยู่รอดจนถึงคนที่ผมรักป่าวเนี่ยพูดถึงคนที่รัก ถ้าความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ เขาเรียกว่ารักล่ะหรือว่ามันอาจจะเป็นความประทับใจแรกพบก็ได้ยิ่งคิดยิ่งงงแฮะ
วันทั้งวันผมก็ยังหาเหตุผลมาบอกตัวเองไม่ได้หรอกครับ ว่าที่เป็นอยู่เนี่ย เรียกว่าอะไรแต่รู้สึกดีที่ได้คิดถึงหน้าของพี่เชษฐ์ ได้แค่นั้นก็พอแล้วตอนนั้นผมคิดอย่างนั้นจริงๆนะ

salut โพสต์ 2012-7-28 16:54:52

บทที่เจ็ดขอขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางที่เป็นใจ

เวลาล่วงเลยจนเกือบจะห้าโมงเย็นผมเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเก็บของลงเป้ เตรียมกลับบ้าน คิดว่าวันนี้วันศุกร์แล้ว อยากจะไปเดินซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างเพื่อซื้ออาหารสดไปทำกินตอนวันหยุดท่าจะดี ก็เลยลงไปชั้นล่าง เพื่อซื้อของ โห ไอ้นี่ลดราคาดี เอ้อ ไอ้นี่แถม โหย ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี่ดีจัง มีชิมฟรีด้วย ขอห่อกลับบ้านได้ป่าวอ่ะ พอสักพักหนึ่ง ผมก็ได้ของครบแล้ว ก็เลยไปยังที่ชำระเงิน ก่อนที่จะหิ้วของเดินออกไปข้างหน้า เพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน แต่ของที่ผมซื้อมาก็เยอะมากไปน่ะครับ (ผีแม่บ้านเข้าสิง เห็นของถูกเป็นไม่ได้) เพราะตอนที่ผมซื้อของผมไม่ได้ซื้อแค่ตัวผมเองอ่ะ ก็หน้าพี่เชษฐ์วนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดนี่ นึกไปก็ขำตัวเองไป เป็นเอามากๆ ทำยังกับเป็นคนดูแลพี่เขายังงั้นแหล่ะ ผลก็คือกว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาเมื่อยแขนไปหมดเหมือนกัน พอเก็บของใส่ตู้เย็น ผมก็เดินเข้าห้องนอน เหวี่ยงเป้เข้าไปยังมุมห้อง แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียง กะว่าขอให้หายเมื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ความล้าที่สะสมมาทั้งวันก็ทำให้ผมผลอยหลับไปจนได้
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนประมาณสามทุ่ม เห้อ เผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย พอลุกขึ้นได้แล้ว ก็ดมตัวเองหน่อย เห้อ ซักแห้งไม่ได้แล้ว ก็เตรียมที่จะอาบน้ำ ขณะที่ผมกำลัง จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ผมได้มองเข้าไปในสวน มองไปที่ใต้ขนุน อะไรวะน่ะ ก็เห็นเงาตะคุ่มๆ คล้ายๆกับมีคนนั่งอยู่ใต้นั้นผมก็คิดว่า ใครมานั่งอยู่ตรงนั้นกัน หรือว่าเป็นขโมย เฮ้ย จะทำยังไงดีเนี่ย อยู่คนเดียวซะด้วย พี่เชษฐ์ก็ยังไม่กลับ คิดไปคิดมา ก็เลย เอาล่ะวะ เป็นงัยเป็นกัน ไอ้ตัวผมก็พอเป็นมวยวัดอยู่บ้าง เลยเดินเข้าไปในครัว เพื่อที่จะหยิบอะไรพอที่เป็นอาวุธ ก็เลยได้กะทะมาใบนึง (ตอนแรกก็หยิบปังตอมาอ่ะครับ แต่กลัวฟันเข้าไปแล้ว โจรเค้าจะเจ็บอ่ะ)แล้วก็ค่อยๆย่องออกไปในสวนพอผมกำลังจะเปิดประตูหลังบ้าน ปรากฏว่าเงานั้นค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จนรูปร่างคล้ายกับคน แต่ไม่มีหัวแล้วก็กระโดดข้ามกำแพงออกไป อืม เข้าใจแล้ว พอได้เห็นดังนั้นผมเลยเดินเอากระทะ ไปเก็บไว้ในครัวอย่างเดิม แล้วก็เดินออก มานั่งตรงโต๊ะเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน พอนั่งได้สักครู่นึง พี่เชษฐ์ก็ได้ขับมอเตอร์ไซด์เข้ามา พอเห็นผม ก็เลยถามว่า
“อ้าว โม ออกมานั่งตรงนี้ทำไม ดึกแล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“ผี........................หลอก” พอพูดได้ยังงั้นผมก็วิ่งเข้าไปกอดพี่เชษฐ์ แล้วสะอื้น ฮั่กๆ พี่เชษฐ์ก็ได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบ จนสักพักหนึ่ง ที่ผมเริ่มตั้งสติได้(ความรู้สึกช้าจริงๆเลยกรู) ผมก็เล่าเรื่องที่เจอมาสดๆร้อนๆเมื่อกี๊นี้ พี่เชษฐ์ก็พยักหน้า หัวเราะหึๆในลำคอ แล้วบอกว่า
“อื้ม เมื่อก่อนนี้น่ะ มีคนแก่เป็นลมตายอยู่ใต้ต้นขนุนนั้นแหล่ะ แกอยู่คนเดียว ลูกหลานก็ไปทำงานกันหมด พอกลับบ้านมา ก็เจอแกตายไปแล้ว วันดีคืนดีก็เจอแกนั่งอยู่ใต้ต้นขนุนคนที่มาเช่าก็เจอกันทุกคน”แง๊...... ไอ้พี่เชษฐ์บ้า มาเล่าให้ฟังทำไมเนี่ย คนยิ่งกลัวอยู่ๆพอเห็นผมทำหน้าตาตื่นๆยังงั้น พี่เชษฐ์ก็หัวเราะดังๆออกมา
“ไม่ต้องกลัวหรอกโม แกไม่มาบ่อยขนาดนั้นหรอก บางคนอยู่มาสองปีก็เคยเจอแกครั้งเดียวเอง”แง... เผื่อแกไม่ชอบขี้หน้าผมแล้วมาบ่อยๆล่ะ
“อ้าว พี่รู้ได้ยังงัยอ่ะ หรือว่าพี่คุยกะผีได้”ผมย้อนถาม
“เห๊อะ”พี่เชษฐ์พูดไม่ออก วันนี้พี่เขาบอกว่ามีคดีนิดหน่อยน่ะครับ เลยกลับบ้านดึก แล้วก็ก่อนกลับก็เลยแวะไปหาพี่ศักดิ์ที่โรงพยาบาลก่อนเห็นโทรมาบอกว่ากินข้าวที่โรงพยาบาลไม่ลง พอพูดถึงตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหว่ะ
“ครืด......จ๊อก..”

chubchub โพสต์ 2012-7-29 00:35:59

ขอบคุณมากมายครับ

TJ1234 โพสต์ 2012-7-29 01:28:01

ขอบคุณมากคับ

Rutti โพสต์ 2012-7-29 02:05:15

มาต่อไวๆนะครับผม อยากอ่านต่อแล้ว

salut โพสต์ 2012-7-29 17:49:21

บทที่เจ็ดขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางที่เป็นใจ (ช่วงนี้เริ่มเล่นของแล้วครับ)

“ครืด......จ๊อก..”เสียงท้องของผมกับของพี่เชษฐ์ดังขึ้นมาพร้อมกัน
“พี่กินข้าวยังอ่ะคัรบ เนี่ย” ผมถาม
“ยังอ่ะ ยุ่งๆอยู่ ไม่มีเวลากินเลย จะสี่ทุ่มแล้ว ร้านหน้าปากซอยคงปิดแล้วล่ะทำไงดีเนี่ย ไอ้ศักดิ์ก็ไม่อยู่ด้วย พี่ทำกับข้าวไม่เป็นน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมทำให้ได้นะครับ” พอพี่เชษฐ์ได้ยินแบบนั้น ผมสังเกตุว่ามีประกายออกมาจากตาวิบวับๆ เหมือนจะบอกว่า มื้อนี้กรูรอดแล้วโว้ย
“จะดีเหรอ เราทำงานเหนื่อยๆ ยังมาทำกับข้าวอีก พี่เกรงใจน่ะ” ขณะที่พูดประกายจากแววตาก็ยังไม่หาย
“ข้าวไข่เจียวคงไม่ยากอะไรหรอกครับ ว่าแต่พี่กินได้ป่าวล่ะ”
“ทำมาเหอะ จะตายแว้ววว” เวลาพี่เชษฐ์ทำตัวแบบนี้ก็น่ารักไปดี ผมคิดแบบนั้น รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนอ้อนๆยังงัยไม่รู้ แต่ก็รู้สึกดีครับ ที่มีคนมาอ้อนแบบนี้ มันทำให้ผมอยากที่จะเป็นคนดูแลเขาเอง ไม่รู้ผมฝันเกินเลยไปหรือเปล่านะ ผมเลยเดินเข้าไปหุงข้าว แล้วก็เปิดตู้เย็น เอาไข่กับผักออกมา นึกได้ว่าซื้อกุ้งมาด้วย ก็เลยคิดว่าทำเป็นไข่เจียวกุ้งเลยดีกว่าผมก็ทำอะไรต่างๆของผมไป โดยมีพี่เชษฐ์นั่งดูอยู่ที่โต๊ะกินข้าว   ยี่สิบนาทีทุกอย่างก็เสร็จ ผมกับพี่เชษฐ์ก็นั่งกินข้าวไข่เจียวสองคน
“อร่อยจัง ทำไมเราทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”
“เด็กบ้านนอกน่ะคัรบ พี่เวลาพ่อแม่ผมออกไปทำสวน ผมอยู่บ้านก็ต้องเตรียมกับข้าวไว้น่ะคัรบ ก็เลยต้องทำให้เป็นน่ะ” ผมตอบ
“ดีจัง ใครได้ไปเป็นแฟน สบายเลยนะเนี่ย”พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับส่งสายตามา เหมือนมีความหมายอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นผมไม่รู้เลยได้แต่หลบตาพูดอ้อมแอ้มออกไปว่า คงโชคร้ายมากกว่าครับแล้วพี่เชษฐ์ก็หัวเราะขึ้นเบาๆ พอพวกเราสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็เก็บจานไปล้าง โดยมีพี่เชษฐ์อาสาช่วย พอเสร็จแล้วก็นั่งคุยกันพักนึง ก่อนที่พี่เขาจะขอตัวกลับบ้านไปอาบน้ำ ก็ถามขึ้นว่า ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า
“ไม่ต้องหรอกครับไม่ได้กลัวเท่าไหร่หรอก แต่เกรงใจ๊ แหะๆๆ”
“อื้ม อยู่ได้นะ งั้นถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้แล้วกัน พี่ไปล่ะ”
ผมกลับเข้ามาในบ้าน แล้วนั่งคิดทบทวนเวลาที่กินข้าวกันอยู่ สายตาที่พี่มองมายังผม ทำให้รู้สึกหวิวๆยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกันไม่อยากเป็นแบบนี้เลยครับ กับการที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้เกิดกับผู้ชายคนนนี้แค่คนเดียว ผมสลัดหัวเอาความคิดนี้ออกไป ก่อนที่จะเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ

salut โพสต์ 2012-7-29 17:50:18

บทที่แปดThe Trouble with love is?

เช้าวันเสาร์ ผมตื่นขึ้นมาแต่เข้าเหมือนอย่างเคย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบตื่นสายครับ ผมคิดว่า ถ้าเราตื่นเช้าๆเราก็มีเวลาทำอะไรได้อีกเยอะแยะ ก็เลยจัดแจง เอาเสื้อผ้ามาซักเป็นอย่างแรก ซักไปก็ร้องเพลงไป พอได้อารมณ์ถึงขีดสุดก็มีอาการออกท่าทางยืนขึ้นเต้นบนกะละมังที่กำลังซักอยู่ (เวลาซักผ้าผมชอบเอาเท้าเหยียบๆขยำๆ มันสะอาดดีคัรบ แต่เสื้อผ้าจะเปื่อยไวหน่อย อิอิ)
“น้อยใจตัวแองเหลืออนาถ อะ อะ อะ อาดดดดตกเป็นทาสความรักหนักสมอง ออง ออง ออง อ๋ออออง.....
ตกหลุมรักพ่อคุณน้ำตานอง สุดเศร้าหมองนองน้ำตาเหมือนกาดำ เออะ เออ เอ๊อออ.....(ลูกคอครับ)”
อารมณ์กำลังถึงจุดพีค ผีนักร้องกับผีหางเครื่องกำลังเข้าสิง (บ้านน๊อก บ้านนอกเนอะ ยังอุตส่าห์เรียกหางเครื่อง เค้าเรียกว่าแดนเซอร์แล้ว -------- เสียงจากท่านผู้อ่าน) แล้วก็ต้องเหวอรับประทานสุดๆ เมื่อมองไปยังกำแพงบ้านก็เจอพี่เชษฐ์ โผล่หน้ามา ทำหน้าตากลั้นหัวเราะเต็มที่ ไอ้ผมก็งานเข้าสิครับ ได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกดังเพล้ง โธ่ว้อย ภาพพจน์ที่อุตส่าห์สร้าง ฮือๆ อยากต๊ายยย ผมลยรีบนั่งลง ทำเป็นซักผ้าตามปกติ
“อ้าว กำลังสนุกเลย ร้องต่อสิครับ “สนุกบ้าบออะไรล่ะ จะเอากะละมังคลุมหัวแล้วเนี่ย
“พี่นึกว่าใครมาร้องเพลงแถวนี้น่ะ ก็เลยโผล่มาดูหน่อย แต่เราก็ร้องเพราะดีนะ เต้นดีด้วย” พี่เชษฐ์ชม แต่ทำหน้าตากลั้นหัวเราะแต่แล้วรู้สึกว่ากลั้นไม่ได้ก็เลยหัวเราะออกมา ไอ้ผมก็ยิ่งอายสิครับ อยากจะมุดดินหนีไปตอนนี้เลย
“โอยย แฮ่ก แฮ่ก พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเราน่ะ แต่มันตลกจริงๆ”แง๊ ไอ้พี่บ้า ยังมีหน้ามาซ้ำเติมอีกหัวเราะจนหอบเลยเนี่ยนะผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆแล้ว ก็เลยวิ่งเข้าบ้านมันซะเลย ปกติผมก็บ้าๆบอๆ แบบนี้ล่ะครับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าพี่เชษฐ์ ผมอยากทำตัวเองดีๆแงๆๆ แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้ได้นี่สักพักนึงผมชะโงกไปข้างหลังบ้าน ดูว่าพี่เขาไปแล้วก็ออกมานั่งซักผ้าใหม่พออีกสักครู่หนึ่ง ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินมา พอหันไปก็เจอพี่เชษฐ์ลงมานั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“โกรธพี่เหรอ พี่ขอโทษนะ คือ พี่ไม่ได้ตั้งใจน่ะ” พี่เขาขอโทษ แต่ผมก็ทำเป็นนิ่ง กำลังคิดแผนเอาคืน นึกได้แล้วก็เลยเอาสายยางที่เปิดน้ำอยู่ฉีดใส่ตัวพี่เชษฐ์แล้วก็ออกวิ่ง
“เฮ้ย แกล้งเหรอ เดี๋ยวเหอะ จับได้จะตีเลย”แล้วพี่เชษฐ์ก็ถือสายยางวิ่งไล่ฉีดน้ำใส่ผม กลายเป็นว่าเราสองคนกำลังเล่นสงกรานต์กลางเดือนมีนาคม แล้วก็วิ่งไล่จับกันรอบๆสวนหลังบ้าน พากันร้องโหวกเหวก แล้วในพี่สุดพี่เขาก็จับผมได้ กลายเป็นว่าผมอยู่ในอ้อมกอดของพี่เขาแล้ว ผมก็ดิ้นๆจนทำให้พี่เขาเสียหลักเลยล้มลงด้วยกันทั้งคู่ ท่านผู้อ่านคงจะเคยดูละครนะครับ มันจะมีทุกเรื่องนั่นแหล่ะ ที่ต้องมีฉากพระเอกกับนางเอกทะเลาะกัน แล้วล้มลงด้วย แล้วก็สบตากันอีก ในตอนนี้ผมกับพี่เค้าก็เหมือนในฉากละครนั้นๆแหล่ะครับ หน้าของพี่เชษฐ์ห่างกับหน้าผมไม่ถึงคืบ แต่แล้วพี่เค้าก็ค่อยเอาริมฝีปากมาแนบกับริมฝีปากผม (จูบแรกของผมนะเนี่ย) ผมได้แต่ทำอะไรไม่ถูก เลยปล่อยให้มันเกิดขึ้น แต่แล้วก็เหมือนว่า พี่เขาจะคิดอะไรได้ เลยถอนริมฝีปากออกไปแล้วก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรผมก็ได้แต่งงๆกับการกระทำของเค้า แต่วันนั้นทั้งวัน ผมก็ได้แต่คิดถึงตอนที่ผมเสียจูบครั้งแรก ผมเคยอ่านหนังสือเห็นเค้าบอกว่าจูบครั้งแรกจะมีรสหวาน บางคนนบอกว่าเปรี้ยว แต่ของผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่ามันหวิวๆตัวลอยๆ ยังไงไม่รู้ พอตกบ่ายมาพี่เชษฐ์ก็ไปรับพี่ศักดิ์กลับบ้าน ผมได้คุยกับพี่ศักดิ์นิดหน่อย แต่พี่เชษฐ์พอส่งพี่ศักดิ์ถึงบ้านก็ขับรถกลับออกไปอีก วันนั้นทังวันผมก็ไม่เห็นพี่เขาอีกเลย
เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมาพอดี กับที่พี่เชษฐ์กำลังขับรถออกไปทำงาน ผมเห็นก็เลยทักอรุณสวัสดิ์ไป แต่พี่เขาก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ดูเหมือนว่าพี่เขาพยายามที่จะหลบผมยังไงยังงั้นแหล่ะ วันนี้ทั้งวันอารมณ์เลยหงุดหงิดนิดหน่อย แปลกอีกแล้วกรู
เช้าวันจันทร์ ก่อนออกไปทำงานผมก็ลองโผล่หน้าไปดูบ้านพี่เชษฐ์ พบว่ารถมอเตอร์ไซด์ไม่อยู่ ก็เลยเดาได้ว่าคงไปทำงานแล้ว ที่หน้าบ้านรถยนต์ที่จอดอยู่ก็ไปด้วย สงสัยพี่ศักดิ์ก็คงไปทำงานเหมือนกัน ผมก็เลยต้องเดินไปหน้าปากซอยขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง แต่พอไปถึงที่ทำงาน สิ่งที่ผมนึกไว้คือ พี่เลี้ยงของผมก็คือพี่ศักดิ์นี่เอง (ซื้อหวยไม่เคยถูกอย่างนี้มั่ง)ผมก็เลยไม่ค่ออยเกร็งเท่าไหร่ บางคนที่สำนักงานเขาก็แปลกใจน่ะคัรบ ว่าเราสองคนทำไมสนิทสนมกันไวจัง
แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของผมตอนนี้ก็คือ สามอาทิตย์มาแล้วผมยังไม่เจอพี่เชษฐ์เลย แต่ผมก็ไม่กล้าถามกับพี่ศักดิ์พี่เขาคงออกไปทำงานตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาผมก็คงหลับไปแล้ว วันนี้เย็นวันศุกร์แล้ว ผมเลยตัดสินใจว่า จะรอพบพี่เชษฐ์ดู ถึงแม้ว่าพี่ศักดิ์จะเป็นพี่เลี้ยงผม แล้วบ้านอยู่ข้างๆนี้ ผมก็ไม่ได้ไปหรือว่ากลับกับเค้าหรอกครับ เพราะพี่เขาบางทีก็ออกไปสายๆ หรือว่าบางทีเวลาไปพบลูกค้า หรือติดต่องานก็ไม่เข้าสำนักงานเลย เวลาเลิกงานก็ไม่แน่นอน ถ้าวันไหนบังเอิญเข้างานหรือเลิกพร้อมกัน เขาก็จะชวนผมไปด้วยทุกทีแต่วันนี้ผมเลิกเลยออกมาก่อน พอมาถึงบ้านผมก็มานั่งรอที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านหวังว่าคงจะรอพบพี่เชษฐ์เค้า ตอนนั้นผมก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมผมต้องมารอพบด้วย แต่ผมก็หาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้ มีอยู่ความรู้สึกเดียวในตอนนั้นคือ ผมคิดถึงพี่เชษฐ์ครับ

regis โพสต์ 2012-7-30 00:36:14

ขอบคุณมากครับ ติดตามเรื่อยๆ

hunwei โพสต์ 2012-7-30 14:47:15

ขอบคุณครับ

salut โพสต์ 2012-7-30 18:50:35

วันนี้กว่าพี่เชษฐ์จะเข้าบ้านเกือบๆห้าทุ่ม ตามปกติผมคงหลับไปแล้ว (ที่จริงก็นั่งหลับไปด้วยนั่นแหล่ะคัรบ บริจาคเลือดให้ยุงไปพอสมควร)ผมได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์กำลังแล่นเข้ามาเลยตื่นขึ้น ก็พบพี่กำลังเอารถไปเก็บอยู่ พอผมเห็นก็เลยทัก
“กลับมาดึกจังอ่ะคัรบ”
“อ้าว โม มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ เปล่าหรอกครับ คือ....”
“อืม ถ้าไม่มีอะไรพี่ขอตัวนะ เหนื่อยมากเลย” พอพูดจบพี่เชษฐ์ก็เปิดประตูเข้าบ้านไป ต่อจากนั้นไม่รู้มีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ในใจผมอยากจะตะโกนออกมาว่า ผมคิดถึงพี่ครับแต่ทำไมปากมันหนักจังเลยวะ ครู่หนึ่งผมก็เดินเข้าบ้านอย่างหมดอารมณ์ รู้สึกว่าตัวหนักๆ เลยล้มลงบนเตียง มองดูที่เพดานจนหลับไป
เช้าวันเสาร์ ผมตื่นขึ้นมาทำงานบ้านตามปกติ พอสายๆหน่อย พี่ศักดิ์ก็เดินมาคุยด้วย เห็นบอกว่าเดี๋ยวจะออกไปต่างจังหวัดกลับมาอีกทีก็คงเย็นวันจันทร์ ยังงัยช่วยดูแลพี่เชษฐ์ด้วย
“อ้าว พี่เค้าเป็นอะไรเหรอครับ ทำไมต้องดูแลด้วยอ่ะ”ผมสงสัย
“ ป่าว มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เป็นไข้ใจ” พอพูดจบพี่ศักดิ์ก็หัวเราะแล้วเดินออกไป ผมก็งงน่ะสิ ไอ้ไข้ใจนี่มันเป็นยังงัยเหรอ อย่าว่าแต่ดูแลเลย อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ยังไม่เห็นหน้าคิดแล้วก็รู้สึกปวดในใจจัง
พอตกเย็นวันอาทิตย์ผมก็ออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้าน ที่จริงก็จะออกมารอพี่เชษฐ์นั่นแหล่ะคัรบ ประมาณซักสามทุ่มพี่เชษฐ์ก็ขับรถเข้ามา พอเอาเข้ามาจอดในบ้าน พี่เชษฐ์ก็หันมาทางผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บในใจ ขณะที่พี่กำลังเปิดประตูเข้าไปในบ้านนั้น ผมเห็นเขาเอามือพิงประตูไว้ แล้วสลัดหัวเบาๆสองสามที หายใจหอบๆ พอเปิดประตูกำลังก้าวเข้าไปในบ้าน พี่เชษฐ์ก็ล้มลง งานเข้าอีกแล้วล่ะสิ ผมตกใจมาก รีบปีนกำแพงเข้าไปพยุงพี่เขาขึ้น (ตอนนั้นตกใจครับ ที่จริงวิ่งเข้าทางประตูรั้วง่ายกว่า)โห ให้ตายสิ พี่เขาตัวร้อนยังกับไฟ สงสัยไม่สบายจริงๆนะเนี่ย พอพยุงขึ้นได้แล้ว ผมก็หิ้วปีกพี่เขาไปยังโซฟา เออ ใช่ ต้องเช็ดตัว ตอนนี้พี่เค้ายังไม่มีสติอยู่ ผมเดินไปเอากะละมังใส่น้ำ แล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตากอยู่หลังบ้านมาเช็ดตัวให้พี่เค้า (มารู้อีกทีหลังว่านั้นคือผ้าเช็ดจาน) ผมค่อยๆปลดกระดุมเครื่องแบบพี่เชษฐ์ออก ถกเสื้อกล้ามที่อยู่ข้างในขึ้น ตัวพี่เขายังร้อนอยู่ เหงื่อเม็ดโป้งผุดออกมาตามหน้าอก ตามคอ ผมค่อยๆเอาผ้าขนหนุซับน้ำหมาดๆ แล้วค่อยเช็ดไปตามท้อง หน้าอก แล้วเอาอีกผืนหนึ่งพาดไว้บนหน้าผาก พอผมกำลังจะเอาผ้าไปเช็ดที่คอกับหน้า พี่เขาก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเอามือมาจับแขนผมไว้พยายามที่จะลุกขึ้น ผมก็เลยบอกให้นอนลงก่อน เด๋วจะเช็ดตัวให้
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เป็นไรแล้วเรากลับไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรได้ไงอ่ะคัรบ ตัวร้อนขนาดนี้ นอนลงเถอะ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”
“บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ”พี่เชษฐ์ตวาดพร้อมกับดึงผ้าขนหนูไปจากมือ ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามีน้ำเอ่อขึ้นมาที่ตา ผมนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ออกมาจากบ้านพี่เชษฐ์ กลับบ้านเดินเข้าห้อง น้ำตาเริ่มไหลออกมามากขึ้น รู้สึกเจ็บตรงที่หัวใจในหัวผมคิดว่าทำไมถึงต้องร้องให้ด้วยเสียงตวาดของพี่เชษฐ์ยังคงดังเข้าไปในใจของผม นั่นยิ่งทำให้ผมร้องให้หนักขึ้นกว่าเดิม ผมพยายามสั่งให้ตัวเองหยุดร้อง แต่ผมทำไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะสั่งตัวเองให้หยุด ก็เลยปล่อยตัวเองให้ร้องจนกว่าจะหลับไป...................

salut โพสต์ 2012-7-30 18:52:15

เช้าวันจันทร์ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการมึนหัวเล็กๆ พอเข้าห้องน้ำส่องกระจกดูตัวเอง ตาบวมเหมือนโดนคนชกมา แต่ความเย็นจากน้ำก็ทำให้ผมดีขึ้นหน่อย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หยิบเป้เตรียมออกจากบ้าน ผมอดไม่ได้ที่จะมองข้ามรั้วไปดูยังบ้านของพี่เชษฐ์รถมอเตอร์ไซด์ไม่อยู่ แสดงว่าพี่เขาออกไปทำงานแล้ว ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามไม่สนใจแล้วก็เดินออกจากบ้านขึ้นรถเมล์ไปทำงาน
พอถึงที่ทำงาน ผมก็เอาแต่เหม่อลอย จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องเรียกอยู่บ่อยๆ
“โม วันนี้เป็นอะไรอ่ะ”พี่โหน่ง รุ่นพี่ที่ทำงานถามขึ้น
“ก็...เปล่านี่ครับ ก็ปกติดี ไม่มีอะไร”
“พี่เห็นเธอเหม่อตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วไปทำไรมาเนี่ย ตาบวมๆ”
“ไม่มีไรหรอกพี่โหน่ง ผมนอนไม่หลับแค่นั้นแหล่ะ”
“อกหักเหรอ ฮิๆ” พี่โหน่งแหย่ผม
ในใจผมแย้งว่า บ้าอ่ะพี่ ยังไม่มีแฟนเลย จะอกหักได้ยังงัย แต่ไอ้ความรู้สึกดีๆเนี่ย เค้าเรียกว่าความรักได้หรือเปล่านะ
วันนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเดิม แถมพี่ศักดิ์ก็ไม่อยู่ด้วย ไอ้หัวหน้าก็จะพยายามมาลวนลามอยู่นั่นแหล่ะ แต่คราวนี้ผมอยู่มาได้พักนึงแระ ก็เริ่มที่จะหาทางหลบหลีกได้แล้ว แต่ถ้าเวลาไปไหนที่ผมหลบไม่ทัน ผมก็จะโดนจับก้นเกือบจะทุกที ห้าโมงเย็นแล้ว ผมรีบเก็บข้าวของเตรียมที่จะกลับบ้าน เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลงแล้ว สงสัยจะเป็นพายุฤดูร้อน ผมรีบออกมาจากสำนักงานนั่งรถเมล์กลับบ้าน ภาวนาว่าอย่าเพิ่งตกนะโว้ย ให้กรูกลับถึงบ้านก่อน แต่บุญผมคงไม่ถึง คำภาวนาเลยไม่สัมฤทธิ์ผล พอลงจากรถเมล์ กำลังเดินเข้าซอยเท่านั้นแหล่ะ ไม่รู้ฝนร้อยปีมาจากไหน ตกโครมลงมา เออ เอาวะ เปียกก็เปียก ผมเลยเดินตากฝนกลับบ้านเหมือนพระเอกมิวสิควิดิโออย่างนั้นแหล่ะ   พอเดินไปได้เล็กน้อย ก็มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขับมาจอดข้างๆ พี่เชษฐ์นั่นเองพี่เชษฐ์ตะโกนให้ผมขึ้นรถไปด้วยกันแต่ผมก็เดินของผมไปเรื่อยๆเหมือนทำหูทวนลม พี่เขาก็ขับรถตามแล้วก็บอกให้ผมขึ้นรถ ผมก็ยังเดินของผมไปเรื่อยๆ จนพี่เชษฐ์ทนไม่ไหว ลงมาจากรถแล้วดึงแขนของผมตามเขาไป แต่ผมกระชากกลับมา แล้วตะโกนแข่งกับเสียงฝน
“พี่จะบ้าหรือไง เมื่อวานยังไล่ผมให้ไปไกลๆ วันนี้จะให้ผมไปด้วย จะเอายังไงกันแน่”แล้วพี่เชษฐ์ก็เหมือนที่จะพูดอะไรออกมา แต่ผมวิ่งออกมาก่อนที่พี่เขาจะได้พูดอะไร ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ที่ผมวิ่งออกมานั้น ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมไม่อยากให้พี่เชษฐ์เห็นว่าผมร้องให้เท่านั้นแหล่ะ
จวบจนถึงบ้านแทนที่ผมจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับมานั่งเงียบๆที่โต๊ะกินข้าว คิดทบทวนเมื่อสักครู่นี้ ผมเริ่มสำนึกผิดที่ไปตะโกนใส่พี่เชษฐ์เขาแบบนั้นแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมเราต้องไปสนใจด้วยล่ะ ผมนั่งสองจิตสองใจคิดว่าจะทำยังไงดี พอสักพักก็เริ่มหาเหตุผลให้กับตัวเองได้ อย่างน้อยผมก็คิดว่าเรายังเป็นเด็ก ก็ไม่สมควรไปทำแบบนั้นกับพี่เค้า ข้างนอกฝนเริ่มซาแล้ว ผมออกไปมองดูที่รั้วบ้านพี่เชษฐ์ รถมอเตอร์ไซด์ยังจอดอยู่ แสดงว่าพี่เขากลับมาแล้วผมรวบรวมความกล้า เดินเข้าไปเคาะประตูบ้านสักพักนึงพี่เชษฐ์ก็เดินมาเปิดประตู พี่เขาใส่แค่กางเกงตำรวจซึ่งเปียกฝนอยู่ หยดน้ำยังเกาะอยู่ตามตัวเขาพี่เชษฐ์ทำสีหน้าประหลาดใจที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้

salut โพสต์ 2012-7-30 18:53:42

“เอ่อ ผมขอโทษครับ – ขอโทษนะ” ผมกับพี่เชษฐ์พูดออกมาพร้อมกัน เราสองคนต่างแปลกใจ มองหน้ากันลึกเข้าไปในดวงตากลมสีน้ำตาลของพี่เชษฐ์ แววตาอันอบอุ่นได้แสดงออกมา เราต่างมองตากันแล้วพี่เชษฐ์ก็ดึงผมเข้าไปกอด กล้ามแขนทั้งสองกระชับตัวผมเข้าไปแนบหน้าอกอันแข็งแรงแต่อบอุ่น ผมรู้สึกได้ถึงความปิติในหัวใจของผม กำแพงความรู้สึกต่างๆที่กั้นอยู่ได้พังทลายลงมา มันทำให้ผมกล้าพูดคำๆหนึ่งออกไป
“พี่ครับ ผมคิดถึงพี่ครับ”ผมบอกความรู้สึกที่มีอยู่ให้พี่ได้รับรู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรผมไม่สนแล้ว ตอนนั้น พี่เชษฐ์ค่อยๆเอามือข้างหนึ่ง ช้อนคางผมขึ้นมา แล้วเอาริมฝีปากประทับลงไป ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของพี่เชษฐ์ พี่เค้าได้สอดลิ้นเข้าไปในปากผม มันทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้ พี่เชษฐ์ได้จูบผมอย่างแผ่วเบาและดุดันไปพร้อมกัน
“อื๊ออออออออห์...............โอววววว์” เสียงผมกับพี่เชษฐ์ครางในคอ
หลังจากจูบอันเนิ่นนานแล้ว พี่เชษฐ์ได้ลากใบหน้าที่มีเคราขึ้นอยู่ลงมาไซร้ที่ซอกคอของผม อารมณ์ของผมเริ่มกระเจิดกระเจิงอีกครั้ง พร้อมกับอุ้มผมไปนอนบนโซฟาตอนนี้เสื้อเชิ้ตของผมได้ถูกพี่เชษฐ์ถอดออก เหลือแต่สแลคแค่ตัวเดียว ตอนนี้พี่เชษฐ์ได้ขึ้นมาอยู่บนตัวผมแล้วมือหนึ่งจับบนท้ายทอยและอีกมือหนึ่งกำลังที่จะถอดเข็มขัดกางเกง หลังจากพี่เชษฐ์จูบผมได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็เอาใบหน้าที่มีแต่หนวดลงมาไซร้ที่หน้าอก ทำให้ผมต้องงอตัวด้วยความเสียว
“โอ๊ววววววว.............พะ พะ พี่ ผมเสียว” เหมือนพี่เชษฐ์ยิ่งได้ใจ ทั้งดูดทั้งเลียหัวนม ในขณะที่ต้นขาผมรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอยู่ในกางเกงสีกากีที่เปียกอยู่นั้น
“ เห้อ จะไปทำกันในห้องที่มันลับหูลับตาหน่อยก็ไม่ได้ “เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูหน้าบ้าน พี่ศักดิ์นั่นเอง เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ทำหน้าเหมือนหัวเราะเยาะพวกผมสองคนผมกับพี่เชษฐ์รีบลุกขึ้นเฮ้ย เสื้อกรูไปไหนวะ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าที่หน้ามันร้อนๆ สงสัยแดงเป็นตูดลิงแน่เลย
“ไอ้`ตัวเงินตัวทอง` มาไม่ให้สุ้มให้เสียง” พี่เชษฐ์ด่า
“อ้าว ถ้ากูให้เสียง กูก็ไม่ได้เห็นฉากเด็ดสิ ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ลุกขึ้นไล่เตะพี่ศักดิ์ไปรอบๆบ้านจนพี่ศํกดิ์หนีขึ้นไปข้างบนแล้ว พี่เชษฐ์ถึงได้มานั่งลงข้างๆผมอีกครั้ง แล้วเอาแขนมาโอบผมไว้
“พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้เราไม่สบายใจ พี่แค่..... ไม่แน่ใจ ว่าเราจะรับได้มั้ย ที่พี่ เอ่อ.................” พี่เชษฐ์เงียบไป
“ที่พี่..............ชอบโม”
ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่เชษฐ์ แล้วเอื้อมตัวไปหอมที่แก้มพี่เขาทีนึง“ยินดีครับ”ผมพูดขึ้น พี่เชษฐ์ยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มที่ผมไม่มีวันลืมเลย ผมยังจำรอยยิ้มได้จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าพี่เชษฐ์จะไม่อยู่แล้วก็ตาม............................

salut โพสต์ 2012-7-30 18:54:22

บทที่เก้าชีวิตที่แขวนไว้บนเส้นด้าย

พฤษภาคม 2548
   บ่ายวันเสาร์กลางเดือนพฤษภาคม ฤดูร้อนกำลังจะผ่าน ไป ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าเริ่มกลับกลายเป็นสีหม่นๆผม พี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์ กำลังนั่งเล่นเกมส์กันอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพี่เชษฐ์ได้ดังขึ้นพี่เขาเลยลุกออกไปรับคุยได้แป๊บเดียวก็มาบอกผมว่า ต้องไปทำงานก่อน อาจจะกลับดึกไม่ต้องรอ
   “อ้าวจับวงไพ่อีกแล้วเหรอ”พี่ศักดิ์ถามขึ้นแต่ตายังมองที่หน้าจอ นิ้วกดปุ่มจอยสติ๊กยิกๆอยู่
   “ประมาณนั้นแหล่ะว่ะพี่ไปก่อนนะโม”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ แต่ดูสีหน้าท่าทางแล้ว เรื่องราวน่าจะใหญ่กว่าจับวงไพ่แหล่ะหลังจากนั้นผมก็นั่งเกมส์กับพี่ศักดิ์สักพักหนึ่ง พี่ศักดิ์บ่นว่าเหนื่อยแล้ว เลยเลิกเล่น แล้วขึ้นไปนอนข้างบน ผมก็เลยคิดว่า เดี๋ยวออกไปจ่ายตลาดดีกว่า เพราะเมื่อวานวันศุกร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตคนเยอะ ขี้เกียจรอว่าแล้วก็เข้าบ้านหยิบกระเป๋าสตางค์ เดินออกไปหน้าปากซอยซื้อของ
   ผมก็เดินจ่ายตลาดไปเรื่อยๆวันนี้ว่าจะทำหมูมะนาว เห็นพี่เชษฐ์บ่นว่าอยากกิน ขณะที่เดินไปเรื่อยๆอยู่นั้น ผมก็บังเอิญได้ดูข่าวในทีวีที่แม่ค้าเปิดเอาไว้
   “เกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับพ่อค้ายาบ้า แถวชุมชนแออัดย่านคลองเตยทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1คน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บคือ ร้อยตำรวจเอก วรเชษฐ์ .................................”ได้ยินดังนั้น ตัวผมก็ชาไปหมด ได้ยินแต่เสียงอู้อี้ๆในหัว ได้สติดีแล้ว ผมก็รีบวิ่งกลับบ้าน แล้วไปบอกพี่ศักดิ์ว่า พี่เชษฐ์โดนคนร้ายยิง พอพี่ศักดิ์ได้ยินก็เด้งขึ้นมาจากที่นอน พอผมตั้งสติและเล่าเรื่องที่ผมได้ยินมาจากข่าวแล้ว พี่ศักดิ์ก็เลยขับรถพาผม ไปที่โรงพยาบาลตำรวจทันที ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่เชษฐ์ด้วย ถึงขนาดบนศาลกล่าวเลยทีเดียว (ก็คนมันกลัวอ่ะ) พอไปถึงที่โรงพยาบาล เราก็สอบถามกับประชาสัมพันธ์ และได้ทราบว่า พี่เชษฐ์ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ขวา กระสุนฝังใน ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดเพื่อเอากระสุนออกก่อนและเราก็ได้ถามทางไปยังห้องผ่าตัด ในแต่ละก้าวที่ผมก้าวเดินไปยังห้องผ่าตัด ผมรู้สึกว่าเท้าผมเดินไม่ติดพื้นเลยครับ อยากไปหาพี่เชษฐ์ให้เร็วที่สุด แม้ผมจะช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม ในที่สุดผมกับพี่ศักดิ์ก็ได้ไปรอที่หน้าห้อง สักประมาณ เกือบชั่วโมง เจ้าหน้าที่พยาบาลก็เข็นเตียงออกมา พี่เชษฐ์ ยังสลบอยู่ หน้าตาซีดเหมือนไม่มีเลือดแต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง กระสุนไม่ได้เข้าที่สำคัญ ซึ่งทำให้ผมโล่งอกขึ้นมาก
   ผมเข้าไปในห้องพักฟื้น แล้วเอาเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียงหน้าตาของพี่เชษฐ์ตอนนี้นิ่งสงบ จนผมอดคิดว่า ถ้าพี่เขาไม่ตื่นขึ้นมาล่ะ คิดได้แบบนั้นผมก็เอาหน้าลงไปซบกับฝ่ามือของพี่เชษฐ์ จำได้ว่าผมร้องให้ จนพี่ศักดิ์เข้ามาบอกให้ใจเย็นๆ พี่เชษฐ์ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ นั่นแหล่ะ ผมถึงจะหยุดร้อง สักครู่นึงผมก็ได้ยินเสียงพี่เชษฐ์ ร้องครางขึ้นมา ผมเลยรีบไปเรียกพยาบาลให้มาดูพยาบาลก็เข้ามาพร้อมถาดเข็มฉีดยาสองหลอดและได้ฉีดเข้าไปที่แขนของพี่เชษฐ์ พยาบาลได้บอกว่าเป็นยาแก้ปวดกับยานอนหลับ หลังจากนั้นพี่เชษฐ์ก็สงบลงแล้วก็หลับต่อไปพี่ศักดิ์จึงชวนผมกลับบ้านไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาเยี่ยมวันหลัง พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรแล้ว พี่ศักดิ์ก็เข้าใจดี เพราะพวกเราสองคนก็เป็นห่วงพี่เชษฐ์จนไม่อยากทำอะไรทั้งคู่เหมือนกัน

salut โพสต์ 2012-7-30 18:56:18

บทที่เก้าชีวิตที่แขวนไว้บนเส้นด้าย (ต่อ)

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาผมก็รีบไปเยี่ยมพี่เชษฐ์ทันที แต่ว่าพี่ศักดิ์นัดกับที่ทำงานไว้ต้องส่งงานด่วน เลยไม่ได้มาด้วย ผมเข้าไปยังห้องพักฟื้น ก็พบว่าพี่เชษฐ์ยังไม่ตื่น แต่สีหน้าดีกว่าเมื่อวานขึ้นมาหน่อย ผมนั่งมองพี่เชษฐ์อยู่เป็นนาน ความกังวลก็คลายลงไปมากแล้ว เหลือแต่ความเป็นห่วงที่อยู่เหมือนเดิมผมก็เลยเอาหน้าลงไปซบที่ข้างพี่เชษฐ์พอกำลังจะคล้อยหลับ ก็รู้สึกว่ามีมือกำลังลูบหัวผมอยู่ เย้ พี่เชษฐ์ฟื้นแล้ว
   “ว่างัย”พี่เชษฐ์ทัก
   “พี่ฟื้นแล้ว เหรอครับ เจ็บมากมั้ยอ่ะ” ผมถาม และกำลังเริ่มจะร้องให้อีกแล้ว
   “อื้ม พอทน........ อย่าร้องสิ เป็นแฟนตำรวจอย่าขี้แย” เสียงปลอบของพี่เชษฐ์แผ่วเบาเหมือนจะหลุดหายไป
   “ครับ ไม่ร้องแล้ว” ผมรับปากพอดีมีนางพยาบาลเข้ามาดูแล ผมเลยต้องออกไปรอข้างนอกก่อน พอพยาบาลออกไปแล้ว ผมจึงเข้ามานั่งข้างๆพี่เชษฐ์ แล้วกุมมือเอาไว้เหมือนกับว่า ผมกลัวพี่เชษฐ์จะหายไปจากผม
   “พี่ครับพอผมได้ข่าวว่าพี่โดนยิง ผมกลัวว่าจะเสียพี่ไปซะแล้วสิ”
“อื้ม ตอนที่พี่โดนยิง พี่กลัวมากเหมือนกัน แต่พี่ไม่ได้กลัวตายหรอกนะ พี่กลัวว่าพี่จะไม่ได้กลับมาหาเราอีก แต่พี่อยากให้เราทำใจ ชีวิตทำงานของพี่ เอาแน่นอนไม่ได้หรอก วันนี้อยู่ พรุ่งนี้อาจไม่อยู่ก็ได้”
   เราสองคนเงียบไป เพราะต่างรู้ว่า นั่นเป็นสัจธรรมของชีวิต โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ ครู่หนึ่งพี่เชษฐ์ก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยาผมจึงเอื้อมตัวจูบที่แก้มพี่เขาไปทีนึง แล้วก็ออกมานั่งอยู่ข้างนอก มองจากข้างบนตึก ก็เห็นยอดเจดีย์ของวัดที่อยู่ตรงข้าม เลยนึกว่าไปไหว้พระเข้าวัดซะหน่อยก็คงจะดี ผมเลยเดินลงมาจากตึก ข้ามถนนเข้าไปในวัด
   พอไปถึงวัดแล้วผมก็รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่เมื่อนาทีก่อน ยังมีอารมณ์ไม่แจ่มใสอยู่ เห้อ นี่แหล่ะ สมัยนี้คนที่จะเข้าวัดก็ตอนมีทุกข์กับตอนตายเท่านั้นแหล่ะ   สายๆของวันอาทิตย์ก็ยังคงมีผู้คนมาสักการะกันอยู่พอสมควร ดูจากสีหน้าของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านแล้ว ทำให้ใจของผมคลายความเป็นกังวลลงได้เยอะเหมือนกัน ถึงแม้จะอยู่กลางเมือง แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง แต่ก็สงบใช้ได้ ผมก็ได้เข้าไปไหว้พระประธาน ซึ่งเขาบอกว่าได้อัญเชิญมาจากเมืองลาวตั้งแต่สมัยอยุธยาโน่น ผมก็เข้าไปในพระอุโบสถไหว้และขอพร
   “ถ้าผมยังพอมีความดีอยู่บ้าง ก็ขอให้ความดีของผมช่วยปกปักษ์รักษาคนที่ผมรักด้วยเถิด”
พอผผมไหว้พระเสร็จ ก็เลยนั่งมองพระพุทธรูปอยู่ครู่หนึ่ง พระพักต์ท่านสมกับเป็นผู้หลุดออกจากทุกข์แล้วทั้งหมดทั้งปวง ซึ่งก็สามารถทำให้จิตใจที่หวั่นไหวของผม สงบลงอย่างประหลาด พอนั่งมองเป็นที่พอใจแล้ว ผมก็ออกเดินทางกลับไปยังโรงพยาบาลพอไปถึงห้อง พี่เชษฐ์ยังไม่ตื่นความเหนื่อยก็เขามาแทนที่ ผมก็เลยหลับไปบนโซฟาที่อยู่ในห้องพักฟื้นของพี่เชษฐ์นั่นเอง
   “โม ..... โม ตื่นได้แล้ว”
   “หืม อ้าว พี่ศักดิ์เองเหรอ “ ผมงัวเงียตื่นขึ้น มองดูนาฬิกา ตอนนี้ก็บ่ายสองโมงครึ่ง มองไปที่เตียงก็เห็นพี่เชษฐ์ตื่นขึ้นมาแล้วยิ้มให้ เป็นช่วงที่ดีที่สุดของวันเลยทีเดียว
   “พี่เชษฐ์ตื่นนานยังอ่ะคัรบ “ ผมถาม
   “ก็ตะกี๊นั่นแหล่ะ เห็นลิงหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก”   
“อ้าว มาว่ากันซะงั้น ฮ้าววววววววววว.....” ผมหาวเสียงดัง
   “พี่ว่าเรากลับไปพักก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวพี่ดูแลแทนเอง” พี่ศักดิ์แนะนำ
   “อื้ม กลับเถอะ พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ตะกี๊ฝันว่ามีพระเอาบุญมาให้ ตื่นขึ้นมาก็ไม่ปวดแผลเท่าไหร่ ” พี่เชษฐ์พูดขึ้นมาเสริม
   ผมพยักหน้ารับทราบ เดินเข้ากอดพี่เชษฐ์ทีนึง แล้วเดินออกมา ท้องฟ้าที่ครึ้มเมื่อเช้านี้ ตอนนี้ก็เริ่มมีพระอาทิตย์ส่องแสงออกมาให้เห็นแล้ว ผมถือว่าเป็นลางที่ดีแล้วกันนะ

   อาทิตย์นึงผ่านไป พี่เชษฐ์ก็ออกมาจากโรงพยาบาล เพื่อมาพักฟื้นที่บ้านแล้วล่ะครับ พี่เขาอาการดีขึ้นเยอะแล้วแต่แขนข้างขวายังขยับไม่ได้มาก ผมก็เลยต้องช่วยพี่เขาอย่างเช่น ล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวด จนถึงเช็ดตัว เพราะหมอยังไม่ให้แผลโดนน้ำ ก็เลยยังอาบน้ำไม่ได้อ้อ ตอนนี้ก็ต้องป้อนข้าวด้วยนะครับ ที่จริงพี่เขาก็กินเองได้อยู่นั่นแหล่ะ แต่เค้าก็มีลูกอ้อนน่ารักๆ ทำให้ผมใจอ่อนอยู่เสมอ พอผมไม่ทำให้ก็บ่นว่า มีแฟนไว้ทำไมเนี่ย

freedom.. โพสต์ 2012-7-31 01:04:19

โหสุดยอดเลย น่ารักมากอะเรื่องนี้

salut โพสต์ 2012-7-31 17:32:53

มาต่อให้แล้วครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9
ดูในรูปแบบกติ: แฟนผมเป็นตำรวจ (copy ผมชอบมากเรื่องนี้)