salut โพสต์ 2012-8-5 15:11:19

พวกเราสองคนเดินเล่นอยู่ที่วัดได้ครู่ใหญ่ๆ ผมเลยคิดว่าน่าจะกลับได้แล้ว เพราะใกล้เวลาน้ำลง เวลาพายเรือกลับจะเหนื่อย เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาใหม่ผมก็พาพี่เชษฐ์กลับบ้านโดยการพายเรือเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเที่ยงๆแดดจะแรงแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็ไม่รู้สึกร้อนครับ เพราะยังเป็นช่วงฤดูหนาวอยู่ แถวชานเมืองก็ยังรู้สึกเย็นๆอยู่ ตลอดจนสองข้างคลองก็ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมไม่รู้ว่ามันอายุเท่าไหร่หรอกครับ เพียงแต่ว่าตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นพวกเขาอยู่ตรงนี้กันมานมนานแล้ว บ้านเรือนสองฝั่งคลองยังเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้เป็นทรงไทยอยู่ค่อนข้างเยอะ มองไปก็เห็นเด็กใส่เสื้อผ้าสีสดใส วิ่งเล่นกันที่ลานบ้าน ดูเหมือนลูกกวาดหลากสี พี่เชษฐ์ก็คงจะเพลินของเค้าด้วยละครับมองไปทางโน้นที ทางนี้ที ผมก็แต่มองหน้าพี่เค้าแล้วก็ขำๆ ตอนที่พี่เชษฐ์ใส่หมวกใบลานสาน มองๆดูก็เหมือนชาวสวนนี่ล่ะครับ เพียงแต่ว่า เป็นชาวสวนที่หล่อที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก และตอนนี้ผมก็รักชาวสวนคนนี้จนหมดหัวใจ ผมมองพี่เชษฐ์จนพี่เขารู้ตัว แล้วหันมาสบตาผม แล้วถามผมว่า
   “เหนื่อยมั้ยโม” พี่เชษฐ์ถามขึ้น หลังจากที่เราเงียบกันมานาน
   “ไม่หรอกครับ พายมาตั้งแต่เด็กแล้ว แค่นี้สบายมาก”
   “อื้ม เหนื่อยก็ทนหน่อยนะ เพราะว่าพี่พายไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ อ่ะ พายไป พายไป”พี่เชษฐ์พูดแล้วทำหน้าทำตายั่วโมโหผมโห พี่ ที่เห็นถามนึกว่าเป็นห่วง ผมหมั่นใส้ก็เลยวักน้ำใส่พี่เค้าเลย
   “เฮ้ย ไอ้โมบ้า อย่านะ ฮะๆๆ นี่แน่ะๆ จะเอาเหรอ”พี่เชษฐ์ก็วักน้ำใส่ผมคืนมั่งจำได้ว่าตอนนั้นเสียงหัวเราะของเราสองคนดังไปทั่วคุ้งน้ำเลยทีเดียว สักพักหนึ่งผมก็พายมาถึงบ้าน ผมเอาโซ่มาผูกเข้ากับหลักที่เดิม แล้วพาพี่เชษฐ์เดินขึ้นบ้านพอมองเข้าไปตรงใต้ถุนบ้าน ก็เห็นพ่อ แม่ พี่กวา กับพี่ศักดิ์ นั่งคุยกันอยู่
   “เอ้า ไอ้หนู กับ พ่อเชษฐ์กลับมาแล้วมากินข้าวกันมา กับข้าวเสร็จพอดี”แม่ทักเราสองคน แล้วพี่เชษฐ์ก็ยกมือไหว้พ่อผม
   “เอ้อ ไหว้พระเถอะ คนนี้สินะ พ่อเชษฐ์ขอบใจนะที่ดูแลไอ้เจ้าหนูมัน” พ่อผมพูดขอบใจพี่เชษฐ์ พอพี่เชษฐ์หันไปมองพี่ศักดิ์ก็เห็นพี่ศักดิ์ขยิบตาให้ ฮ่าๆๆ สงสัยจะถูกใจพ่อผมทั้งสองคนแล้วสิ จะว่าไปพี่ศักดิ์ก็แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆที่มาจีบพี่กวาก่อนหน้านั้น เพราะพี่ศักดิ์มีความเป็นผู้ใหญ่ มีการงานที่มั่นคง รวมทั้งเป็นคนดีในสายตาของพ่อ ก็เลยทำให้พ่อกับแม่ผม เปิดใจรับพี่ศักดิ์มากขึ้น เห้อ ท่าทางจะได้พี่ศักดิ์เป็นพี่เขยเราจริงๆซะแล้ว
   กับข้าวเที่ยงนี้ก็มีแกงสายบัวกุ้งสดแกงมะรุมกับปลาช่อน เชิงปลากรายทอดกระเทียม ซึ่งสามอย่างก็เป็นฝีมือแม่ผมทั้งนั้น เลยไม่ต้องบอกเลยครับว่า มื้อนี้ข้าวเกลี้ยงหม้ออีกแล้ว พอเป็นดังนั้น แม่ผมก็เลยหน้าบานเลยสิครับ พอพวกเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมกับพี่กวาก็เก็บสำรับถ้วยจานไปล้างหลังบ้าน ปล่อยให้พี่เชษฐ์ กับพี่ศักดิ์นั่งคุยกับพ่อ ส่วนแม่ก็ขึ้นบ้านไปเตรียมตัวช่วยงานที่วัด เพราะต้องไปทำกับข้าวเลี้ยงคนที่มาทำบุญวันนี้
   “พี่กวา พี่ศักดิ์เค้าคุยอะไรกับพ่ออ่ะ ท่าทางถูกคอกันจัง” ผมถามพี่กวา ขณะที่เรากำลังล้างจาน
   “ก็ เปล่านี่ พ่อก็ถามว่าเป็นใคร ทำงานที่ไหน ก็คุยกันไปเรื่อยๆแหล่ะ” พี่กวาตอบ ผมสังเกตุได้ว่าเวลาที่กวาพูดถึงพี่ศักดิ์ทีไร หน้าจะแดงทุกที

zee1133 โพสต์ 2012-8-5 20:14:00

ขอบคุนครับ

grantnun โพสต์ 2012-8-6 01:08:12

ขอบคุณมากคับ   ผมอ่านมาหลายรอบแล้ว
ซึ้งมากเลยคับToT

regis โพสต์ 2012-8-6 23:55:15

รอต่อนะครับ ขอบคุณครับ

salut โพสต์ 2012-8-8 19:26:52

พอล้างจานเสร็จ ผมกับพี่กวา ก็พากันมานั่งร่วมวงคุยกันกับพ่อ พอดีแม่เตรียมของเสร็จแล้ว เลยลงมาจากบ้าน บอกว่าจะไปวัดแล้วเลยให้พี่กวาไปช่วยต้อนรับคนที่มาทำบุญด้วย พอพี่ศักด์ได้ยินแบบนั้นเลยขอไปส่งแล้วจะรออยู่รับกลับบ้านด้วยเลย ตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้ว ผมเลยเอาหมอนที่ขัดไว้กับขื่อใต้ถุนบ้านลงมาหนุนนอนฟังพี่เชษฐ์คุยกันกับพ่อ ลมหนาวพัดเอื่อยๆจากคลองเข้ามาในบ้าน ตอนนี้อิ่มๆอยู่ด้วย หนังตาก็เริ่มหย่อนลง หย่อนลง จน.........................
   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณบ่ายสี่โมงเกือบห้าโมงแล้วดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงมา พอผมลืมตาก็พบว่าหน้าของพี่เชษฐ์ห่างจากหน้าผมแค่คืบเดียวเอง ผมมองดูหน้าพี่เชษฐ์แล้วค่อยๆยื่นเอาหน้าเข้ามาจูบเบาๆที่ปากของพี่เชษฐ์ ผมนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจเสร็จก็เดินออกไปยังท่าน้ำ นั่งดูพระอาทิตย์กำลังลับลงไปในสวนหมาก สวนมะพร้าวที่อยู่อีกฝั่งของคลองตรงข้ามกับบ้านผมผมนั่งทอดอารมณ์ไปได้สักพักหนึ่ง พี่เชษฐ์ก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆผม
   “สวยจังนะ นี่พี่ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกมานานแค่ไหนแล้วนี่” พี่เชษฐ์พูดขึ้น
   “อย่าว่าแต่พี่เลยครับ ตั้งแต่ผมไปอยู่กรุงเทพยังไม่เคยเห็นเลย” ผมตอบ พอผมพูดจบ พี่เชษฐ์ก็ยื่นเอามือกดท้ายทอยผมแล้วเอาปากมาประกบจูบแบบไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวผมก็รู้สึกว่ามีรสหวานๆอยู่ในปากเต็มไปหมดเราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม สักพักหนึ่งพี่เชษฐ์ก็ถอนปากออกมา พี่เค้าหน้าแดงไปหมดหายใจหอบมองหน้าผมแล้วพูดว่า
   “ถ้าคิดจะจูบ ต้องให้คนอื่นตื่นก่อนนะ”อ้าว พี่เชษฐ์เค้ารู้ตัวเหรอเนี่ย ตอนนั้นผมรู้สึกว่า หน้าตาหูคอร้อนผ่าวไปหมด ได้แต่นั่งจ้องพื้นกระดานท่าน้ำ แล้วพี่เชษฐ์ก็ค่อยๆเอามือมากุมมือผมไว้
   “พี่ดีใจนะ ที่ได้รักโม แล้วพี่ดีใจที่สุดที่โมรักพี่ด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากอยู่ตรงนี้กับเราตลอดไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เอาเป็นว่า พี่อยากให้โมรู้ เวลานี้พี่มีความสุขที่สุดเลย” พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับมองลึกเข้าไปในตาผม ตอนนั้นผมรู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้ากันและกันจนผมรู้สึกว่ากำลังจะค่ำนั่นแหล่ะครับ
   “พี่เชษฐ์ เล่นน้ำกันมั้ยครับ” ผมชวน
   “น้ำในคลองเหรอ เอาสิ” พี่เขาตอบตกลงเสร็จ ผมก็วิ่งไปเอาผ้าขาวม้ามาสองผืน ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเอาผ้าขาวม้าทำเป็นโจงกระเบนแต่สั้นกว่า พอเสร็จแล้วก็วิ่งกระโดดลงน้ำไปก่อน แต่พี่เชษฐ์ยังไม่เสร็จเพราะพี่เขาไม่เคยทำแบบนี้ ผมที่อยู่ในน้ำแล้วก็เลยเลยเอามือวักน้ำสาดใส่พี่เค้า
   “เฮ้ย ไอ้โมบ้า เดี๋ยวก่อนเหอะ ลงไปแล้วน่าดู” พี่เชษฐ์ขู่ผม
   “แบร่ จ้างให้ก็ไม่กลัว ฮะๆๆๆ” ผมท้าแล้วปลิ้นตาหลอกพี่เค้า แล้วพี่เชษฐ์กนุ่งโจงกระเบนเสร็จ โดดลงน้ำ เราสองคนเลยเล่นน้ำจนรู้สึกหนาวนั่นแหล่ะครับ เราถึงขึ้นมา แล้วผมก็พาพี่เชษฐ์เค้าไปล้างตัวที่ตุ่มน้ำหลังบ้าน
   “เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล
หัวใจฉันก็ลอยลับไป ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย
เมื่อต่างเราก็รัก จะเกรงกลัวฉันใด ใจเรานั้นแน่นอน
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง รักเธอจึงแน่ใจขอวอน ก่อนตัดใจร้างลา
โอ้ใจรักเธอ คิดถึงเธอ เฝ้าครวญหา
โอ้ใจนะเออ ใยละเมอถึงเธอร่ำไป
เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครสักคน หมดทุกห้องหัวใจ
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์”
พี่เชษฐ์ฮัมเพลงนี้ขึ้นมาตอนที่ตอนพี่เค้านั่งให้ผมสระผมให้ จนมาถึงทุกวันนี้ผมก็ยังจำได้ทุกทำนองที่พี่เค้าร้อง
เราสองคนพออาบน้ำเสร็จแล้วก็พากันไปแต่งตัวแล้วลงมานั่งที่ใต้ถุนบ้าน สักพักหนึ่งแม่กับพี่กวาก็กลับมาพร้อมกับพี่ศักดิ์ครับ แต่พ่อยังอยู่ช่วยงานที่วัดนั่นแหล่ะ ดึกๆค่อยกลับพอขนของลงจากรถซึ่งก็จะมีไข่ น้ำตาล แป้ง มาไว้ที่แคร่แล้ว พี่ศักดิ์ก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนพอคล้อยหลังแล้ว แม่ก็ชมพี่ศักดิ์ใหญ่เลยว่า
   “พ่อศักดิ์นี่เค้าเป็นคนดีจริงๆนะ วันนี้อยู่ช่วยแม่ที่วัดทั้งวัน ช่วยยกหม้อยกของ ป้าๆยายๆที่วัดชอบกันใหญ่ เห็นบอกว่าถ้าสนใจก็จะยกลูกสาวให้"” แม่ชมพี่ศักดิ์ให้ฟัง ท่าทางจะปลื้มเอามากๆเลยนะเนี่ย
   “ถ้าพี่ศักดิ์สนใจลูกสาวบ้านนี้ล่ะแม่ แม่จะว่ายังงัย” ผมพูดขึ้นพร้อมหันไปมองพี่กวา
   “จะว่าอะไรล่ะ ไอ้หนู ถ้าเค้ารักกันแม่ก็ไม่ห้ามหรอก”
   “งั้นเดี๋ยวผมบอกให้มาขอพรุ่งนี้เลยแล้วกันนะจ๊ะ แม่” ผมแหย่พี่สาวไป รายนั้นไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ นั่งอายหน้าแดงอยู่อีกข้างของแม่ผมนั่น ผมกับพี่เชษฐ์มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาแม่ผมก็กำลังเตรียมจะทำขนมอีกครั้งน่ะคัรบ เห็นบอกว่า มีแต่คนชอบ เลยขอกลับไปเยอะเลย ไม่พอเลี้ยงคนพรุ่งนี้ คิดว่าจะทำใหม่ดีกว่า ผมเลยอาสาจะเป็นคนช่วยแม่ทำอีกแรง
   “ไม่ต้องหรอก ไอ้หนู เดี๋ยวพาพ่อๆไปเที่ยวงานวัดแล้วกัน มาเที่ยวแล้วยังมาช่วยแม่อีก เกรงใจพ่อศักดิ์ พ่อเชษฐ์เค้าน่ะ”แม่ผมบอก
   
   สองทุ่มกว่าๆพวกเรา มีพี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์ พี่กวา แล้วก็ผมก็ได้ไปยืนอยู่กลางลานวัดแน่นอนครับ คนที่ดูน่าจะสนุกที่สุดก็คือแฟนผมครับ พี่เชษฐ์นั่นเอง รายนั้นเห็นอะไรไม่ได้ ดูสนุกหมดไปซะทุกอย่าง เดินเที่ยวชมงานไปเรื่อยๆ ซื้อลูกชิ้นปิ้ง ขนม ข้าวโพดคั่วมากินกัน พอถึงร้านที่เป็นร้านยิงลูกดอก พี่ศักดิ์กับพี่เชษฐ์ก็จะโชว์พาวด้วยมั้งครับ เลยท้ากันอีกแล้วว่าใครจะแม่นกว่ากัน อันนี้ไม่ต้องบอกหรอกครับ ว่าใครจะแม่นกว่ากัน ก็พี่ศักดิ์นั่นแหล่ะ (เสียชื่อผู้กองอีกรอบ) พี่ศักดิ์ยิงเข้าเป้าได้ทุกลูก ในขณะที่พี่เชษฐ์ ยิงได้สี่ลูกเอง (ชุดใหญ่ 30 บาทครับ มีลูกดอกให้ 7 ลูก) แถมยังพูดทับอีกว่า ต่อให้หรอก ของรางวัลก็ได้เป็นตุ๊กตาโดเรม่อนตัวใหญ่พอสมควรครับ เราก็เดินชมงานไปเรื่อยๆ พอรู้สึกเหนื่อยแล้ว ก็พากันนั่งดูหนังกลางแปลง จบไปสองเรื่องแล้วก็เที่ยงคืนพอดี เลยไปรับพ่อที่กองอำนวยการกลับบ้านด้วยเลย พอกลับไปถึงบ้าน แม่ก็ทำขนมเสร็จพอดีเลยครับ มีทองหยอดกับฝอยทองวางอยู่สามสี่ถาด พอแม่เห็นพวกผมกลับมาแล้วก็บอกให้ไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบขึ้นไปนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เดี๋ยวพ่อกับแม่จะพาไปตักบาตรที่วัด คืนนี้ผม พี่เชษฐ์ กับพี่ศักดิ์ นอนห้องเดียวกันครับ ซึ่งเป็นห้องนอนเก่าของผมเอง พี่ศักดิ์พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลยครับ สงสัยเหนื่อยมาทั้งวัน อิอิ รักลูกสาวเค้าต้องทำคะแนนหน่อยครับ ส่วนผมกับพี่เชษฐ์ก็นอนเมื่อตอนกลางวันมาแล้ว เลยไม่ง่วงเท่าไหร่ เราสองคนเลยนอนมองหน้ากัน ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว ทำให้ร่างของเราสองคนกระชับเข้าหากันมากขึ้น จนผมหลับไปกับอ้อมกอดของพี่เชษฐ์เขานั่นแหล่ะครับ

salut โพสต์ 2012-8-8 19:28:03

พอตอนเช้า พวกเราทั้งสามคนก็ตื่นขึ้นมาประมาณตีห้าครึ่ง พอลงมาจากบนบ้านก็พบว่า แม่กับพี่กวากำลงัจัดของเตรียมตัวไปทำบุญที่วัดอยู่ พวกผมเลยรีบล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวแล้วช่วยขนของขึ้นรถ ส่วนพ่อออกไปตั้งแต่เช้าแล้วครับ เห็นบอกว่าต้องไปนิมนต์พระมาจากวัดอื่นด้วย พวกเราก็ออกจากบ้านไปตอนหกโมง พอยกข้าวของลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปยังโรงครัว พวกแม่ครัวที่ทำงานอยู่ พอมองเห็นแม่ผมเดินเข้ามากับพี่ศักดิ์พี่เชษฐ์ ก็ร้องทักขึ้นมาว่า
   “อุ๊ย แม่จำเนียรคงจะได้ลูกเขยเป็นคนกรุงแน่แท้เลยล่ะ คราวนี้”   ป้าไหวคนเดิมนั่นแหล่ะคัรบ
   “คงไม่ทันใจฉันแล้วล่ะจ้ะ ผู้ชายเมืองกรุงขี้อาย ถ้าไม่มาขอซักที ฉันกลัวว่านังกวาของฉันมันจะขึ้นคานก็ทีนี้ล่ะ”ดูแม่ผมสิพี่กวาได้ยินแบบนั้นก็อายม้วนต้วนสิครับ พี่ศักดิ์ก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ ออกมา
   “แล้วผู้กองไม่สนใจลูกสาวอิฉันเหรอคะ” มีเสียงหนึ่งร้องถามขึ้น
   “ผมมีแฟนแล้วครับ” พี่เชษฐ์ตอบไปพร้อมกับมองมายังที่ผมแล้วยิ้มให้ พอพวกเราเอาขนมที่แม่ทำไปให้คนในครัวจัดแบ่งแล้ว ก็พากันไปยังลานที่ทางวัดจัดไว้สำหรับให้คนมาตักบาตร พวกเรานั่งรออยู่สักครู่หนึ่ง พระสงฆ์ก็เริ่มเดินลงมาจากศาลามายังลานวัด เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมทำบุญกัน โดยมีผมกับพี่เชษฐ์ถือถาดที่ใส่ข้าวกับถุงกับข้าว แล้วมีพี่กวากับพี่ศักดิ์ถือถาดใส่ของหวาน น้ำ และดอกไม้เหมือนกับคู่รักคนอื่นๆกำลังทำบุญร่วมด้วยกันพอพวกเราตักบาตรพระเสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่รถ แล้วเข้าไปช่วยแม่ที่อยู่ในครัวพี่ศักดิ์ กับ พี่เชษฐ์ เป็นคนยกหม้อกับข้าวออกไปยังเต๊นท์ที่จัดไว้สำหรับจ่ายอาหารให้คนมาร่วมงานครับ ส่วนผมกับพี่กวาก็ช่วยกันยกจานชามไปตั้งไว้ อาหารสำหรับเลี้ยงคนวันนี้มีหลายอย่างครับ ทั้งแกงเขียวหวานไก่หมูหวาน ผัดผักรวมมิตร ของหวานก็เป็นขนมของแม่ผม และก็มีของคนอื่นๆมารวมด้วยครับ ผมกับพี่กวามีหน้าที่ตักข้าวใส่จาน พี่เชษฐ์มีหน้าที่ตักแกงเขียวหวาน ส่วนพี่ศักดิ์รับผิดชอบหมูหวาน กับผัดผัก พี่เชษฐ์เป็นคนตักแกงที่มือหนักน่ะคัรบ คนมาแรกๆ ก็ได้แต่ชิ้นเนื้อไป พอคนหลังๆก็มีแต่ชิ้นมะเขือ ฮ่าๆๆ ส่วนพี่ศักดิ์สงสัยหน้าตาถูกใจคนแถวนี้ เลยมีแต่คนขอไปเป็นลูกเขย ทำให้พี่กวาต้องมองค้อนอยู่บ่อยๆ ครู่นึงหลังจากที่เราแจกจ่ายกับข้าวให้คนมาร่วมงานจนเกือบทั่วถึงแล้ว พวกเราก็ถือเอาจานข้าวมาคนละจานแล้วมานั่งกินกันแถวๆนั้นแล่ะคัรบ
“คุณศักดิ์เหนื่อยมั้ยคะ มาพักผ่อนยังอุตส่าห์มาช่วยงานอีก” พี่กวาถามพี่ศักดิ์
   “ไม่เลยครับ คุณกวาไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ เรียกใช้ผมได้ตลอดเลยนะ”พี่ศักดิ์ตอบไปพร้อมทำท่าเหมือนกับว่า พลังงานยังเหลือเฟือ
   “แล้วพี่เชษฐ์เหนื่อยมั้ยครับ” ผมหันไปถามพี่เขา
   “ไม่หรอกโม สนุกดีออก นานๆ ได้มาทำบุญ รู้สึกดีจัง อยากอยู่แถวนี้แล้วสิ”
   “มาอยู่จริงๆกลัวจะอยู่ไม่ได้น่ะสิ” ผมแกล้งพูดแหย่
   “อ้าว ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มีโมอยู่พี่ก็อยู่ได้”พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับแววตาจริงจังขึ้นมา
   “อู๊ยยยยยยยยยย ขนลุก”พี่ศักดิ์ร้องขึ้นมา แล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว พวกเราทั้งสี่คนก็พากันไปเดินเล่นยังตลาดน้ำที่ท่าวัด พากันซื้อของไปฝากคนที่ทำงาน กับคนข้างบ้าน พอตะวันเริ่มที่จะตรงหัวแล้ว พวกเราก็ว่าจะกลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว แต่พี่กวายังขออยู่ที่วัดช่วยแม่ก่อน และก็จะกลับพร้อมแม่ตอนบ่ายๆ พวกผมสามคนเลยกลับมาที่บ้านก่อน พอมาถึงแล้วก็พากันไปอาบน้ำ แต่งตัวใหม่ แล้วเอาหมอนมานอนกันที่แคร่ไม้ไกล้ๆกับท่าน้ำ ที่มีต้นก้ามปูต้นใหญ่ขึ้นอยู่ลมกำลังพัดเอื่อยๆ สบายๆ จากนั้นเสียงคนคุยกันสามคนก็ค่อยๆเงียบลงกันทีละคน ผมตื่นอีกทีมาตอนเกือบบ่ายสี่โมง แต่ว่าพี่ศักดิ์กับพี่เชษฐ์ยังไม่ตื่น ผมเลยเดินลงไปที่ท่าน้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ลูบตามแขนตามมือ แล้วนั่งมองไปยังฝั่งตรงข้าม อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วสินะ ที่ผมต้องจากบ้านที่แสนสงบไปสู่เมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายอีกครั้ง ผมนั่งปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆ จนเมื่อรู้สึกตัวว่า แม่กับพี่กวากลับมาแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปช่วยแม่เก็บของ สักพักหนึ่งพี่ศักดิ์ กับ พี่เชษฐ์ก็ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้ามานั่งอยู่กับผม
   “ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง”ผมพูดขึ้นลอยๆ
   “พี่ก็ไม่อยากกลับหรอก แต่คนเราก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องทำน่ะ มันเลี่ยงไม่ได้หรอก โม” พี่เชษฐ์สอนผม
   พี่ศักดิ์ก็นั่งอยู่บนแคร่ เอามือประสานท้ายทอยแล้วนอนลงไป สายตาก็จ้องมองอยู่บนขื่อบ้าน ท่าทางพี่ศักดิ์ก็คงไม่อยากกลับเหมือนกันสักครู่หนึ่ง พี่เชษฐ์ก็พูดขึ้น
   “เรากลับได้แล้วล่ะ มืดค่ำขับรถลำบาก”พี่ศักดิ์กับผมได้ยินก็พากันพยักหน้า แล้วขึ้นไปเก็บของข้างบน พอผมบอกแม่ว่าพวกเราจะกลับกันแล้ว แม่ก็จัดของฝาก ผลไม้ ให้เราเกือบเต็มท้ายรถจัดของเสร็จ ผม พี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์ ก็มายืนลาแม่อยู่ข้างๆรถ
   “กลับดีๆนะลูกนะ ระวังด้วย แล้ววันหลังมาเที่ยวกันใหม่นะ” แม่ผมอวยพร
   “ครับ” ผมพูดแค่นั้น เพราะรู้สึกเหงาๆ ที่จะต้องไกลบ้านอีกครั้ง
   “พ่อเชษฐ์ พ่อศักดิ์ ฝากไอ้หนูมันด้วยนะ มันจะเกเรก็กำราบมันก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ดูแม่ผมฝากฝังสิ
   “ไม่ต้องห่วงครับ คุณอา รับรองผมดูแลอย่างดีเลย คุณกวา ผมไปก่อนนะครับ ไว้วันหลัง ขอจะมารบกวนอีกที” พี่ศักดิ์รับปากแม่ แล้วหันไปลาพี่กวา
   “ขอบคุณมากนะครับ คุณอา เดี๋ยวผมจะดูแลโมให้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมขอลาล่ะครับ” พี่เชษฐ์กล่าวลากับแม่ แล้วเราสามคนก็พากันขึ้นรถในขณะที่พี่ศักดิ์ขับรถออกไปจากบ้านสวนนั้น ผมได้มองไปยังข้างหลัง ก็เจอแม่กับพี่กวาโบกมือให้พวกผม ก่อนที่ภาพนั้นจะไกลห่างแล้วลับสายตาไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ยามเย็น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกกอยู่ที่คอ พอหันกลับมามองพี่เชษฐ์ ก็พบกับสายตาอันอบอุ่นที่ดูเหมือนกับว่า กำลังปลอบใจผมอยู่ แค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี และก็พร้อมที่จะสู้ต่อไปกับวันรุ่งขึ้นในเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายอีกครั้งแล้วล่ะครับ


salut โพสต์ 2012-8-8 19:28:57

บทที่สิบสองเฮ จะเอาเธอนั้นไปลอยทะเล

เมษายน 2549
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.................หงุดหงิด
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.......................ฮื่อ หงุดหงิด
   มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ....มิ้ง มิ้ง มิ้งๆๆๆๆ   มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆๆ.........................หงุดหงิดว้อย
   “เห้อ อะไรวะ วันหยุดทั้งที ต้องมานอนฟังเสียงจั๊กจั่นร้องอยู่ได้ ร้อนก็ร้อน ฮึ๋ย หงุดหงิดๆๆ” เสียงผมบ่นกับตัวเอง เห้อ อยากไปที่เย็นๆจัง ว่าแล้วผมก็เดินเข้าบ้าน เปิดดูตู้เย็นโอ้ววว สวรรค์โปรด........... เหอๆๆ ไอติม ร้อนๆอย่างนี้ได้ไอติมแท่งคงหายหงุดหงิดลงไปหน่อย ผมได้ยินเสียงเปิดประตูดังแกร๊ก แล้วผมก็หันไปดู อ้าว พี่เชษฐ์ วันนี้ทำไมกลับไวจังอ่ะ ดูท่าทางพี่เชษฐ์ก็คงจะร้อนอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นเดินลิ้นห้อยเข้ามา กระดุมเสื้อเครื่องแบบก็ปลดออกหมด เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกเป็นแผ่นอยู่ใต้เสื้อกล้ามรัดรูปที่มีเหงื่อชุ่มไปหมด
   “ฮึ่ยย.. หงุดหงิดจัง กินรัยอยู่อ่ะโม กินมั่งสิ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็คว้าไอติมแท่งจากมือผมไป โธ่ แท่งสุดท้ายนะเนี่ย ในขณะที่พี่เชษฐ์กำลงัแกะห่อพลาสติกออกอยู่นั่นพี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามาอีกคน
   “ว้อยยยยยยยยย ร้อนจัง หงุดหงิด หงุดหงิด มึงกินอะไรอยู่อ่ะ กินด้วยสิ”ว่าแล้วพี่ศักดิ์ก็คว้าไอติมแท่งนั้นจากมือพี่เชษฐ์แล้วก็เอาเข้าปากดูดอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมสองคนทำตาละห้อยมองดูพี่ศักดิ์แย่งไอติมไปต่อหน้าต่อตา
   “อ้าว ทำไมทำหน้าอย่างนั้น หวงเหรอ อ่ะ ไม่กินก็ได้” แล้วพี่ศักดิ์ก็ยัดไม้ไอติมซึ่งตอนนี้ไม่มีไอติมแล้วใส่มือพี่เชษฐ์ แล้วเดินออกไป ผมกับพี่เชษฐ์มองดูไม้ไอติมเปล่าในมืออย่างเคืองแค้น แล้วได้ตะโกนออกมาพร้อมกันว่า
   “แก......ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
   หลังจากที่ผมกับพี่เชษฐ์รวมหัวกันซ้อมพี่ศักดิ์เสร็จแล้ว เราก็มานั่งสุมหัวกันที่โต๊ะกินข้าวกลางบ้าน มองออกไปข้างนอกก็เห็นเปลวแดดกำลังเต้นระริกๆอยู่บนถนน เห็นแล้วก็เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนทั้งๆทียังไม่ได้ออกไปโดนแดดด้วยซ้ำ
   “เห้อ อยากไปขั้วโลกจัง”พี่ศักดิ์บ่นขึ้นมา
   “เออ ถ้ามึงไปได้ อย่าลืมเอากูไปด้วยแล้วกัน” พี่เชษฐ์พูดขึ้น
   “หา ขั้วโลกเหรอครับแล้วที่นั่นมันมีตลาดมั้ยอ่ะ”โถ ไอ้โม แกยังเป็นห่วงอยู่เหรอ แล้วเราสามคนก็มองหน้ากัน   “ไปทะเลดีกว่า” ผม พี่เชษฐ์ พี่ศักดิ์พูดขึ้นพร้อมกัน   

salut โพสต์ 2012-8-8 19:31:23

เช้าวันจันทร์ ผมกับพี่ทั้งสองคนก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าครับ เพื่ออยากจะมีเวลาอยู่กันนานๆหน่อย ตามประสาคนมีวันหยุดไม่ค่อยเยอะ (ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะสามารถลาพักร้อนได้ตั้งสิบวันต่อปี แต่พี่เชษฐ์เค้ามีงานน่ะครับ เลยหยุดได้แค่สองวัน)พวกเราตกลงว่าจะไปหาดจอมทียนนี่แหล่ะครับ ใกล้ดี พวกเราขับรถสองชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ ที่ที่พวกผมพักอยู่(ด้วยความอนุเคราะห์จากเพื่อนพี่ศักดิ์ครับ บอกว่าให้ไปพักก็ได้ แล้วช่วยทำความสะอาดให้ด้วย เดี๋ยวพอพวกเรากลับ พวกเขาก็จะไปต่อ ฮ่วย) เป็นบ้านหลังเล็กๆติดชายทะเล ที่เพื่อนผู้มีอันจะกินของพี่ศักดิ์ได้สร้างเอาไว้ พอเราเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ พวกเราทั้งสามคนพากันจามสนั่นเพราะฝุ่น
   “นี่ไอ้ศักดิ์ กูว่าพวกกูพักโรงแรมกันก็ได้นะ มาแล้วก็ต้องมาทำความสะอาดเนี่ย กูอยู่บ้านยังดีกว่าว่ะ” พี่เชษฐ์บ่น
   “เออน่า เค้าอุตส่าห์ให้ใช้ฟรี ประหยัดว้อย” ว่าแล้วพี่ศักดิ์ก็ไปขนไม้กวาด ไม้ขนไก่ ผ้าขี้ริ้ว ถังน้ำ ออกมาจากครัวในบ้าน ยื่นเอามาให้ผมกับพี่เชษฐ์เฮ้อ พวกผมมาเที่ยวนะคร๊าบ...
   หลังจากเวลาผ่านไป สองชั่วโมง (เที่ยงพอดี) บ้านพักก็สะอาดเรี่ยมเร้ แต่ว่าพวกเราสามคนก็มอมแมมไปหมดจบสุดท้ายเราก็ไปสั่งข้าวที่รีสอร์ตข้างๆมากิน ก็มันเหนื่อยอ่ะ พอกินเสร็จแล้ว พี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์ ก็เอาเก้าอี้ชายหาด มานอนตากลมอยู่หน้าบ้านพัก ตอนแรกผมก็ว่าจะลงเล่นน้ำน่ะคัรบ แต่พี่เชษฐ์ห้ามไว้ บอกว่าเล่นน้ำตอนกลางวันแดดเปรี้ยงอย่างนี้เดี๋ยวไม่สบาย เอาไว้สักสี่ห้าโมงเย็นค่อยเล่นก็ได้ ผมเลยก็ไม่รู้จะทำอะไรอ่ะคัรบ ก็เลยเอาเก้าอี้ชายหาดอีกตัวมานอนข้างๆพี่เชษฐ์ ตอนนี้เราทั้งสามคนก็มานอนเรียงกันหน้าบ้านพักนี่ล่ะครับ ปล่อยใจคิดไปเรื่อย ท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าสดใส มองดูข้างบนก็เป็นกิ่งสนกำลังพลิ้วลู่ลมอยู่ ลมพัดมาเรื่อยๆ เห้อ สบายอะไรอย่างนี้
   “โมครับ ตื่นได้แล้ว”
   “อื้ม พี่เชษฐ์เหรอครับ” ผมลืมตาขึ้นมา พร้อมกับที่เห็นพี่เชษฐ์ยื่นหน้ามายิ้มเผล่
   “ไปเดินเล่นกันดีกว่าป่ะ ไอ้ศักดิ์มันไปซื้อกับข้าวที่ตลาดอยู่”พี่เชษฐ์ชวนผมพร้อมกับเอามือยื่นมาให้ผมจับแล้วดึงผมขึ้นจากเก้าอี้ ตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้ว แดดก็กำลังอ่อนลง ลมทะเลก็พัดมา ทำให้สดชื่นอยู่ตลอดเวลา เราสองคนเดินเล่นกันไปริมชายหาดนั่นแหล่ะครับ พากันเก็บเปลือกหอยเอาโยนลงทะเล สักพักหนึ่งพี่เชษฐ์รู้สึกว่าเหงื่อเริ่มออก ก็เลยถอดเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายตัวบางๆ แล้วเอามาผูกรอบเอวไว้ แล้วก็เดินกันต่อไป ผมรู้สึกว่าพักหลังๆนี่เชษฐ์หุ่นดีขึ้นนะครับ จากแต่เดิมที่เป็นคนรูปร่างดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากล้ามจะเห็นชัดขึ้น หลังจากพี่เชษฐ์ถอดเสื้อออกแล้ว ผมก็เห็นว่าวันนี้พี่เชษฐ์ใส่กางเกงขาสั้นแต่ไม่ได้ใส่เข็มขัด ทำให้ขอบกางเกงหลุดร่นไปจนถึงสะโพก พี่เชษฐ์ไม่ได้ใส่กางเกงในด้วยแฮะ เดินไปได้สักพักนั้น ผมก็เริ่มรู้สึกถึงรังสีอิจฉาริษยาจากเก้ง กวาง บ่าง ชะนี ที่พากันเดินสวนมาเสียงเล็กๆก็ดังขึ้นในหัวผมว่า ของกรูเฟ้ย..........เวลาที่ผมเหลือบไปมองคนที่เดินผ่านมา แล้วพบว่ากำลังมองพี่เชษฐ์อยู่ ฮ่าๆๆ เอิ๊ก สะจาย
   “หัวเราะอะไรเหรอโม”พี่เชษฐ์ถามผมขึ้น เมื่อเห็นผมหัวเราะอยู่คนเดียว
   “ก็คิดถึงเรื่องตลกๆนิดหน่อยน่ะครับ” ผมตอบ
   “เรื่องอะไรเหรอ เล่าให้ฟังบ้างสิ”
   “อยากรู้จริงอ่ะ”ผมเงียบไปนิดหนึ่ง “จับให้ได้ก่อนสิครับ แบร่...............” ผมแลบลิ้นหลอกพี่เชษฐ์แล้วก็ออกวิ่ง
   “เด๋วเหอะ อย่าให้จับได้นะ จะตีให้ตูดลายเลย ไอ้ลิงน้อย”พี่เชษฐ์ตะโกนแล้วออกวิ่งไล่ตามผมถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็จะเห็นผู้ชายสองคนวิ่งไล่จับกัน โดยมีพระอาทิตย์กำลังตกเป็นแบ๊คกราวน์ มีเสียงน้ำทะเลซัดหาดทรายเป็นดนตรีประกอบ แสงแดดกระทบกับเกลียวคลื่นระยิบระยับ โอ้ววว ช่างสวยงามดีแท้ (พอเถอะ กูอยากจะอ๊วก--------เสียงจากเจ้าของเรื่องข้างๆอีกแล้ว)

regis โพสต์ 2012-8-12 06:19:11

รอต่อนะครับ^^

salut โพสต์ 2012-8-12 19:01:46

พอผมกับพี่เชษฐ์วิ่งไล่จับกันจนไปถึงบ้านพัก ก็พบกับพี่ศักดิ์ที่เพิ่งลงจากรถถือถุงกับข้าว ทำหน้าตาปวดท้องอึอยู่
   “โอ๊ยยยยยยยยย มีความสุขจริงจริ๊ง ไอ้คู่นี้ อยากให้มีสึนามิมาจังเลยว้อยยยย”พี่ศักดิ์พูดประชด พอผมกับพี่เชษฐ์ได้ยิน ก็พากันหัวเราะคิกๆ แล้วผมก็รีบเข้าไปรับถุงกับข้าวมาทำ
   “มึงไปทำอะไรมาเนี่ย หน้าตาเหมือนตูดเลย ฮ่าๆๆ”พี่เชษฐ์ล้อพี่ศักดิ์
   “กรูอิจฉาว้อยย ถ้าคุณกวามาด้วยนะ กรูจะเอาทะเลให้หวานเลยคอยดู”ฮ่าๆๆๆ แน่ใจเหรอพี่ ตัวก้างยังอยู่นะ อย่าเพิ่งมองข้าม
   เย็นนี้เราทำบาร์บีคิวกินครับ เผากุ้งหอยปูปลา กินกันนี่แหล่ะ เห้อ มาทะเลทั้งทีก็ต้องกินอาหารทะเลสิครับ เหอๆๆ แต่รู้สึกว่าทำไมอาหารทะเลที่ขายอยู่แถวๆทะเล มันแพงกว่าอาหารทะเลที่ขายอยู่ในเมืองหว่า พวกเราก็นั่งเผานั่งกินกันไปเรื่อยๆ นั่นแหล่ะครับ ส่วนมากผมจะแกะให้มากกว่า ในมือของพี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์ก็มีเครื่องดื่มน้ำยอดข้าวบาเลย์ (เบียร์นั่นแหล่ะ พวกพี่ๆทั้งสองชอบเรียกมันว่าอย่างนั้น) ปกติผมจะไม่ค่อยอยากให้พี่ทั้งสองดื่มนักหรอกครับ แต่วันนี้ปล่อยวันหนึ่ง มาเที่ยวทั้งทีก็ไม่อยากจะบ่นหรอกครับมองไปในทะเลตอนนี้ทะเลเป็นสีดำไปหมด แล้วก็มีเรือไดหมึกอยู่ออกไปลิบๆ ท้องฟ้าในฤดุร้อนก็เต็มไปด้วยดาว ทั้งๆที่ท้องฟ้าเดียวกัน แต่มองต่างที่มันก็แปลกดีครับ ตอนนี้เราสามคนก็มานั่งนองดาวที่ชายหาดหลังจากอิ่มหนำกันแล้ว คุยสัพเพเหระกันเรื่อย สักพักนึง พี่ศักดิ์ก็ขอตัวออกไปเดินเล่น ฮั่นแน่ สงสัยแอบไปโทรหาพี่กวาแน่นอน อิอิก็น่าสงสารพี่ศักดิ์อยู่หรอกครับ ตอนี้กลายเป็นคนโสดคนเดียว มานั่งดูผมกับพี่เชษฐ์มีความสุขกันอยู่เนี่ย แต่ทำงัยได้ล่ะ อยากหายเหงาก็รีบไปขอก็แล้วกัน
   “หัวเราะคนเดียวอีกแล้ว คิดอะไรอยู่อ่ะเรา”พี่เชษฐ์ถามขึ้น
   “ป่าวครับ แค่สงสารพี่ศักดิ์อ่ะ”ผมตอบ
   “สงสารมันทำไมอ่ะ”
   “ก็ ตอนนี้พี่ศักดิ์อยู่ไกลกันกะพี่กวา แล้วยังต้องมาดูเรามีความสุขอ่ะ”
   “อืม ช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆ พี่รู้แต่ว่า ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย” พี่เชษฐ์พูดแล้วเปลี่ยนท่านั่งโดยนั่งลงข้างหลังผม แยกขาออกแล้วเอาแขนทั้งสองข้างมาโอบผมไว้ แสงจากเทียนไขที่เราจุดไว้ในขวดน้ำพลาสติก ส่องกระทบหน้าพี่เชษฐ์ มองเห็นแววตาเป็นประกายวูบวาบตามแสงเทียน
   “แล้วเราคิดยังงัยกับพี่ล่ะ ฮึ”
   “อ้าว พี่ก็รู้แล้วนี่ครับ มาถามทำไมอ่ะ”
   “อ่ะ รู้แล้วจะถามเหรอ ไม่เอา ไม่รู้อ่ะ บอกมาซะดีๆ” พี่เชษฐ์พูดทำเสียงเหมือนงอนๆ ผมเงยหน้ามองพี่เชษฐ์ก่อนที่จะพูดว่า
   “ผมรักพี่เชษฐ์ครับ”พอพูดได้แค่นั้นแหล่ะครับ ผมก็รู้สึกว่าริมฝีปากผมถูกประกบด้วยริมฝีปากของพี่เชษฐ์ซะแล้ว
   “ฮึ่ย ขัดใจว้อย ขัดใจ สึนามิทำไมมันมาซะทีวะ ฮ่าๆๆๆ” เสียงพี่ศักดิ์นั่นเอง ไม่รู้ว่ามาตอนไหน พูดแล้วพี่ศักดิ์ก็เดินขึ้นบ้านพักไป สงสัยคุยกับพี่กวาแล้วอารมณ์ดีขึ้น ผมกับพี่เชษฐ์นั่งกอดกันอยู่ที่ริมทะเลก่อนสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านพักไป เพราะโลชั่นกันยุงของเราเริ่มจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว เอ เมื่อตอนที่จูบกัน อะไรแข็งๆ ทิ่มหลังวะ
   วันต่อมาผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า พี่สองคนสงสัยจะเป็นเพราะฤทธิ์ของน้ำยอดข้าว เลยทำให้ยังไม่ตื่น อย่างแรกที่ผมตื่นขึ้นมาคือ วิ่งลงไปในทะเลครับ ตอนนี้น้ำลงเต็มที่ครับ ทำให้เห็นสันทรายโผล่ขึ้นมา แล้วก็มีน้ำขังอยู่ในนั้น ผมไปดูก็เห็นกุ้ง ปลาตัวเล็กติดอยู่ แล้วก็วิ่งไล่จับปูลม แต่จับไม่ได้ซักที ทำไมมันวิ่งเร็วจังวะพอสักพักก็เงยหน้ามองไปที่บ้านพัก ก็เจอพี่เชษฐ์กำลงัโบกมือให้ แล้วก็เดินลงมาหาผม
   “จับได้กี่ตัวแล้วอ่ะ โม เห็นวิ่งเอาเป็นเอาตาย” พี่เชษฐ์ถาม
   “ไม่ได้เลยอ่ะคัรบ พี่ วิ่งเร็วมากๆ”
   “อื้ม เดินเล่นกันป่ะ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ยื่นมือมาให้ผมจับ เราสองคนก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ อากาศยามเช้ายังบริสุทธิ์อยู่ตอนนี้ยังเช้า ผู้คนมาเดินเล่นที่หาดยังไม่เยอะ ส่วนมากก็มีแต่ฝรั่งเดินสวนมา พวกเราก็ยิ้มให้แล้วก็กู๊ดมอร์นิ่งไปตามเรื่องตามราว
   “ทะเลนี่มันสวยจังเลยนะครับ พี่ว่ามั้ย”ผมพูดขึ้นมา
   “อื้ม พี่ชอบทะเลมากเลย แต่พี่อยากไปกระบี่มากกว่าอ่ะ เคยไปครั้งหนึ่ง น้ำทะเลมันไม่ใช่สีฟ้านะ แต่เป็นสีเขียว สวยดี อยากไปอยู่ที่นั่นจัง”
   “อ่านะ งั้นวันหลังเราไปกันมั้ยครับ”
   “อื้ม ไปสิ” พี่เชษฐ์รับคำ
   “สัญญานะครับ” ผมชูนิ้วก้อยขึ้นเหมือนขอสัญญา
   “ครับ สัญญา” แล้วพี่เชษฐ์ก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวไว้
   วันทั้งวันเราก็ใช้เวลาอยู่ที่บ้านพักนั่นแหล่ะครับ นอนดูทะเลกัน มันทำให้ผมรู้สึกอีกว่า บางทีการอยู่นิ่งๆ ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกไปบ้าง มันก็สบายดีเนาะ แล้วมีคนรักมาอยู่ไกล้ๆ ก็มีความสุขที่ซู๊ดดดด
สามวันผ่านไป
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ...................หงุดหงิด
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ......................เห้อ หงุดหงิด
มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ..... มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ.....มิ๊ง มิ๊ง มิ๊งๆๆๆ...............................หงุดหงิดว้อยยยยยยยยยยย
แต่ เหอๆๆ เราซื้อไอติมมาตั้งเยอะนี่นา ว่าแล้วก็เดินไปยังตู้เย็นเปิดออกดู
อ้าว..........................ไม่มี หายไปไหนอ่ะ
   “หาอะไรอยู่เหรอ โม”
   “ไอติมอ่ะ พี่ศักดิ์ ซื้อมาตั้งเยอะ หายไปไหนหมดอ่า”
   “ไอติมเหรอ แหะๆๆ พี่กินหมดเองแหล่ะ ก็มันร้อนอ่ะ”
ฮือๆๆๆ T_Tกูเกลียดหน้าร้อน….......................................

salut โพสต์ 2012-8-12 19:02:39

ก็บทต่อไปนี้ก็จะเป็นบทเกือบสุดท้ายแล้วครับ นึกถึงตอนนั้น ถ้าผมรู้ว่าเรื่องราวมันจะจบลงแบบนี้ ผมก็จะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ครับ ตอนนั้นยอมรับว่า ตัวเองก็ดื้ออยู่เหมือนกัน บางทีก็โดนพี่เชษฐ์ทำโทษเหมือนกัน แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ผมก็ขอทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกันครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่สิบสามเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสี

มิถุนายน 2549
   หลังจากที่หน้าร้อนอันแสนจะทรมานได้ผ่านไป ตอนนี้กรุงเทพก็เริ่มที่จะมีฝนตกแล้วล่ะครับ ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วย บางคนบอกว่าไม่ชอบฤดูฝนน่ะครับ เพราะเดินทางไปไหนก็เฉอะแฉะ แต่ผมชอบตรงที่ว่า มันเป็นฤดูที่สิ่งมีชีวิตที่หลับกันอยู่ในฤดูแล้งก่อนหน้านี้ ได้เริ่มต้นชีวิตกันอีกครั้ง
   ชีวิตผมตอนนี้ ดีมากครับ ผมรู้สึกได้ว่า พี่เชษฐ์เอาใจผมมากขึ้น ชอบพาผมไปโน่นมานี่ประจำครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุได้คือ เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่เชษฐ์ก็จะถอนหายใจบ่อยผิดปกติ แล้วเวลาที่พี่เชษฐ์กับพี่ศักดิ์มองมายังที่ผม ก็เหมือนจะส่งแววตาสงสารมาที่ผมด้วย แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ เพราะผมคิดว่า พี่เค้าสองคนคงทำงานเหนื่อย (ตอนนั้นพี่ศักดิ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายแทนตาลุงบ้ากามแล้ว) อาจจะเป็นเพราะผมกำลังมีความสุขเลยไม่ทันได้คิดเลยมั้งครับ ว่าอาจจะมีสิ่งที่ผมไม่เคยคิด เกิดขึ้น
    ขณะที่เรากำลังทานข้าวเย็นของวันหนึ่ง พี่เชษฐ์ก็ทำให้เราแปลกใจ
   “เฮ้ย ศักดิ์ มึงกับคุณกวาไปถึงไหนกันแล้ววะ” พี่เชษฐ์ถามขึ้น
   “ก็ มีความสุขดี ถามทำไมเหรอวะ “ พี่ศักดิ์ตอบไปพร้อมกับมองไปทางอื่น ตอนนี้เวลาที่พูดถึงพี่กวา พี่ศักดิ์ก็ยังไม่หายหน้าแดงซักที
   “แล้วมึงจะอยู่อย่างนี้เหรอ”
   “แล้วมึงจะให้กูทำยังงัยล่ะ” พี่ศักดิ์ถามกลับ
   “เดี๋ยวกูจะให้เจ้านายกูไปคุยกับทางโน้น ว่าจะขอหมั้นมึงกับคุณกวาไว้ก่อน เค้าจะโอเคมั้ย มึงกะคุณกวาก็ได้คบกันมานานพอควรแล้วล่ะ กูรู้ว่ามึงเป็นคนดี คุณกวาเค้าก็รักมึง แล้วมึงจะไปรอทำไมวะ” พี่เชษฐ์พูดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง จนผมรู้สึกได้ว่าพี่เชษฐ์เค้าเอาจริง
   “ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน กูก็ไม่มีญาติที่ไหนนอกจากมึงนี่”พี่ศักดิ์ตอบไป แล้วมองพี่เชษฐ์อย่างเป็นห่วง โดยที่ผมก็เดาเรื่องไม่ออกเหมือนกัน ว่าอยู่ๆทำไมพี่เชษฐ์ถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากอาหารเย็นแล้ว ผมจึงได้โทรศัพท์กลับไปหาพ่อ พูดเรื่องที่พี่เชษฐ์จะเอาผู้ใหญ่ไปสู่ขอพี่กวาให้กับพี่ศักดิ์ ดูว่าพ่อกับแม่ผมจะดีใจมาก (ที่ลูกสาวไม่ได้ขึ้นคานจากการรวมหัวกับลูกชายแกล้งผู้ชายที่มาจีบพี่กวา)ก็ตอบว่าตกลงยังงัยก็ให้ผู้ใหญ่มาคุยกัน พอผมบอกเรื่องนี้ไปกับพี่ทั้งสองคน ก็พากันเฮ แล้วมีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลก กับการที่พี่เชษฐ์คุยกับพี่ศักดิ์
   “แค่นี้กูโล่งแล้วว่ะ แต่ว่ามึงอย่าลืมที่มึงรับปากไว้กับกูแล้วกัน”พี่เชษฐ์พูดกับพี่ศักดิ์ รอยยิ้มที่มีอยู่ตะกี๊ได้หายไปจากใบหน้า กลายเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมมาแทน
   “เออ มึงไว้ใจกูได้ กูไม่ทิ้งไอ้โมหรอก มึงไม่ต้องห่วง อีกหน่อยเค้าก็เป็นน้องเขยกูแล้ว”
   ผมได้แต่มองหน้าพี่ทั้งสองคนสลับกัน ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไรกัน ก่อนที่ทั้งสองคนจะสังเกตุเห็นผมทำหน้างงๆ พี่เชษฐ์ก็เหมือนกับแกล้งทำอารมณ์ดีขึ้นมา
   “เอ้อ โม อีกหน่อยไอ้เชษฐ์มันก็เป็นพี่เขยเราแล้ว อยากได้อะไรขอเอากับมันเลยนะ ฮ่าๆๆ” พี่เชษฐ์หัวเราะกลบเกลื่อน แต่ผมก็จับได้ว่าที่พี่เชษฐ์อารมณ์ดีขึ้นมาเพราะแกล้งทำ นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

salut โพสต์ 2012-8-12 19:03:31

บทที่สิบสามเมื่อฟ้าเปลี่ยนสี (สัญญาณบ่งบอก)

พอหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอีก พี่เชษฐ์ก็ยังดีกับผมเหมือนเคย บางทีก็รู้สึกดีผิดปกติเสียด้วย หลังๆมาผมรู้สึกได้ว่า พี่เขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับผมมากๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ พี่เขาก็จะตามไปอยู่กับผมตลอด หรือบางทีถ้าไม่มีอะไรจริงๆ พี่เชษฐ์ก็จะพาผมออกไปหาเรื่องทำกันข้างนอกเอง
   เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์กับพี่ศักดิ์ พี่เชษฐ์เลิกงานก็กลับมาถึงบ้าน พบว่าผมกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ พี่เชษฐ์ก็เลยลงมานั่งข้างๆผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หันมามองผมแล้วก็ยิ้มให้ พอจบเกมส์แล้ว ผมถึงได้หันมามองพี่เชษฐ์อีกครั้งหนึ่ง
   “หิวยังอ่ะคัรบ เนี่ย” ผมหันไปถามพี่เชษฐ์
   “ยังอ่ะ ยังไม่หิวครับ ขอนั่งแป๊บนึงก่อน”
   “ครับ ได้ หืม....” ผมมองไปยังที่ชิ้นส่วนที่เป็นตราและดาว ที่ติดอยู่บนเสื้อพี่เชษฐ์ “โห ไม่ได้ขัดนานแล้วเนี่ย หมองหมดเลย เดี๋ยวผมขัดให้ดีกว่า ว่าแล้วผมก็วางจอยสติ๊กเกมส์ลงแล้วเดินไปเอาผ้าและน้ำยาขัดทองเหลืองมา พี่เชษฐ์ก็ถอดเสื้อพร้อมกับแกะตราต่างๆออกมาส่งให้ผม ตอนนี้พี่ศักดิ์ดูเหมือนจะทำท่าเข้าใจอะไรสักอย่าง เลยลุกไปปิดเครื่องเล่นเกมส์ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
   “โม กินข้าวช่วยเรียกพี่ด้วยนะ เดี๋ยวขอไปส่งงานให้ลูกค้าดูก่อน”ผมพยักหน้ารับทราบ แล้วหันมาขัดตราโดยมีพี่เชษฐ์นั่งดูอยู่ข้างๆ
   “อื้ม ขอโทษนะคัรบ ไม่ได้ขัดให้นานเลย หมองหมดแล้วเนี่ย” ผมพูดขณะที่มือก็ยังขัดไปเรื่อย แล้วพี่เชษฐ์ก็เอาแขนสอดมาไว้ข้างหลังของผมแล้วเอามือมาลูบหัวเบาๆ
   “วันนี้เหนื่อยเหรอครับ ไม่เห็นพูดอะไรเลย” ผมถามขึ้นเพราะผมรู้สึกว่าวันนี้พี่เชษฐ์แปลกๆ
   “เปล่าหรอกครับ พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” พี่เชษฐ์เงียบไปครู่หนึ่ง“โม เราต้องเข้มแข็งไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น.......”
   “หืม อะไรเหรอครับ” ผมแปลกใจแล้วหันไปถาม
   “เอ้อ เปล่าหรอก พี่แค่คิดอะไรไร้สาระน่ะ นี่ ตรงนี้ยังหมองอยู่เลย ขัดยังงัยน่ะ ดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนเค้าหาว่าแฟนไม่ดูแล แล้วพี่จะทำยังงัยล่ะ” พี่เชษฐ์แกล้งบ่นกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ผมสงสัย
   “ง่ะ อะไรอ่ะ ขัดให้แล้วยังมาบ่นอีก เดี๋ยวเอาน้ำยากรอกปากเลยดีมั้ยเนี่ย”
   “นะ เดี๋ยวนี้กล้าเหรอ นี่แน่ะๆๆ” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็เอามือมาจั๊กจี้ที่เอวผม
   “วะฮะๆๆๆ ว๊ากก พี่เชษฐ์บ้า ฮ่ะๆๆๆ”ผมหัวเราะโดยที่ผมไม่รู้ว่า วันของเราสองคนกำลังจะหมดลงไปแล้ว

namihana โพสต์ 2012-8-13 11:26:42

รอติดตามอยู่นะครับ ^^ สนุกมาก

Dajim โพสต์ 2012-8-14 17:09:15

รอติดตามอยู่นะ ขอบคุณสนุกดีครับ{:5_119:}

salut โพสต์ 2012-8-16 09:50:35

เช้าของวันทำงานวันหนึ่ง โดยที่ผมเพิ่งเข้างานได้แค่ครึ่งชั่วโมง
   “โม เดี๋ยวช่วยลงไปเอานี่ให้กับลูกค้าที่อยู่ข้างล่างหน่อยนะ “ ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็เจอกับพี่ศักดิ์ยื่นซองกระดาษซองหนึ่งให้ผม
   “อ้าว ทำไมเค้าไม่ขึ้นมาล่ะครับ หรือว่าเป็นชู้พี่เนี่ย” ตอนนั้นยังไม่มีใครเรียกชู้ว่ากิ๊กครับ
   “โห น้องกู คิดได้แต่ละอย่าง รีบๆลงไปเลย เค้ารออยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างนั่นแหล่ะ”ผมก็รับซองเอกสารแล้วก็จะลุกขึ้นไปนั้น พี่ศักดิ์ก็พูดขึนอีกว่า
   “เอ้อ เนี่ย ใส่ไอ้เนี่ยไปด้วย” พูดเสร็จพี่ศักดิ์ก็หยิบเสื้อแจ๊คเก็ตสูทของผมที่พาดอยู่บนเก้าอี้ และก็หยิบกระเป๋าของผมขึ้นมาแล้วก็คล้องเข้าที่คอ   
   “อะไรอ่ะพี่ จะไล่ผมออกเหรอ” ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจ
   “เออ ถ้าแกช้ากว่านี้ แกโดนพี่ไล่ออกแน่ ไปได้แล้ว”แล้วพี่ศักดิ์ก็ผลักผมออกไป (ปกติแกคงถีบอ่ะครับ แต่ตอนนี้ผมคือว่าที่น้องเขยนี่) ผมก็เดินออกไปจากสำนักงานด้วยความงงๆ พอผมออกจากลิฟท์แล้วเดินเข้าไปยังร้านกาแฟนั่นล่ะครับ ก็ได้เห็น หลังของตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่ เอ ใครวะ คุ้นๆ พอเดินเข้าไปไกล้ก็เห็นเป็นพี่เชษฐ์นั่งอยู่
   “อ้าว พี่เชษฐ์ ไม่ได้ไปทำงานเหรอครับ มานั่งทำอะไรตรงนี้”ผมพูดขึ้นทัก
   “ก็มารอเรานั่นแหล่ะ”
   “หา มารอผม มารอผมทำไมเหรอคัรบ มีอะไรอ่ะ” ผมถามด้วยอาการงงสุดขีด แต่พี่เชษฐ์ก็ไม่ได้พูดอะไร ยิ้มที่มุมปาก แล้วก็ดึงซองเอกสารจากมือผมไป พร้อมกับเอามืออีกข้างจูงมือผมเดินออกจากตรงนั้น
   “พี่ทำอะไรอ่ะ นั่นซองลูกค้าผมนะ”ตอนนั้นคนที่อยู่แถวๆนั้นคงคิดว่าผมคงโดนตำรวจอุ้มไปแล้วล่ะ พี่เชษฐ์ก็ยังจูงมือผมไปถึงยังลานจอดรถ แล้วเปิดดูในซองเอกสาร พี่เขาเอามือล้วงลงไปหยิบกุญแจคล้ายๆกับกุญแจรถออกมา หืม นั่นกุญแจรถพี่ศักดิ์นี่ อ๋อ วางแผนกันทำอะไรอีกล่ะเนี่ย
   “อื้ม อยากไปไหน บอกมาได้เลย ลิงน้อย”พี่เชษฐ์พูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ผม ตอนนี้ผมก็ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว แต่ยังงงๆอยู่เลยถามออกไปว่า
   “เล่นอะไรกันล่ะครับ เนี่ย”
   “เออน่า ถ้าไม่บอกงั้นพี่พาไปเองแล้วกัน” ว่าแล้วพี่เชษฐ์ก็ขับรถออกไป
ตอนนี้เราสองคนก็มาถึงที่หมายแล้วล่ะคัรบ เป็นอันว่าจุดหมายที่เรามาวันนี้เป็นสวนสนุกที่อยู่แถวๆรังสิตนั่นแหล่ะครับ พอจอดรถแล้ว พี่เชษฐ์ก็ถอดเสื้อเครื่องแบบตำรวจออกเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวคอกลมขลิบแถบที่คอและแขนสีเลือดหมู เราก็พากันไปซื้อบัตรแล้วก็เข้าไปในสวนสนุกกัน ผมกับพี่เชษฐ์พากันเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างสนุก วันนี้พี่เขาคนเดิมกลับมาแล้วครับ ตลอดเวลาที่อยู่กันในสวนสนุก ผมก็เห็นแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่เค้า จนซักประมาณบ่ายแก่ๆ เราได้สังเกตุเห็นว่ามีเมฆฝนกำลังก่อตัวขึ้น คงจะตกเร็วๆนี้แหล่ะ
   “ว้า ฝนจะตกซะแระ ยังสนุกอยู่เลย เราไปกันเหอะ” พี่เชษฐ์ก็จูงมือผมออกไปยังที่รถ พอสักพักหนึ่ง ฝนก็ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา
   “ยังไม่เย็นเลย เราไปทะเลกันดีกว่านะ” พี่เชษฐ์ชวน
   “อ่านะ ไปทะเลตอนนี้เหรอครับ พี่ ฝนไม่ตกเหรอ” ผมถาม
   “อืม ไม่รู้สิ มันอาจจะไม่ตกก็ได้นะ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าไง ไม่เคยได้ยินเหรอ” ว่าแล้วเราก็ขับรถออกไปกัน ผมนั่งมองดูสองข้างทางที่ตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ฝน ตลอดจนความเย็นจากแอร์และความเพลียจากสวนสนุก ผมจึงได้เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทะเลก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ฝนไม่ตกจริงๆด้วยแฮะ ผมกระโดดลงจากรถ แล้ววิ่งลงไปยังชายหาด พี่เชษฐ์ก็ทำแบบเดียวกันกับผม พวกเราพากันตะโกนออกไปในทะเลอย่างสนุกสนาน
   “วู๊ว วะฮ่าๆๆๆ”
   “พี่รักโมคร๊าบ” เสียงพี่เชษฐ์ตะโกน
   “ผมก็รักพี่เชษฐ์คร๊าบ”ผมตะโกนมั่ง
   “ฮะฮ่าๆๆๆๆๆ”เราสองคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้เราอยู่ที่หาดจอมเทียนครับ จุดเดิมตอนที่พวกเราสามคนมาพักกันเมื่อตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมานั่นแหล่ะคัรบฟ้ากำลังเป็นสีแดง ดวงอาทิตย์ก็เริ่มที่จะอ่อนแสงลง และลับลงไปในหมู่เมฆที่ขอบฟ้าไกลออกไป
   หลังจากที่เราสองคนตะโกนและวิ่งไล่จับกันจนเหนื่อยแล้ว ผมกับพี่เชษฐ์ก็พากันนั่งลงที่ชายหาด ตอนนี้ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว มองไปยังท้องฟ้าก็เริ่มมีดาวขึ้นมา โดยมีดาวศุกร์ส่องสว่างที่สุด อยู่ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตก ผมกับพี่เชษฐ์นั่งมองทะเลไปเงียบๆ
   “วันนี้สนุกจัง ขอบคุณนะครับ พี่เชษฐ์”ผมพูดขอบคุณ
   “อื้ม พี่ก็อยากให้เรามีความสุขที่สุดเท่าพี่จะทำได้ตอนนี้ เพียงแต่ว่าต่อไปพี่จะมีโอกาสอีกมั้ยเท่านั้นแหล่ะ”พี่เชษฐ์นิ่งไปสักพักแล้วก็พูดต่อว่า
   “โมพี่ต้องไปช่วยงานที่ทางใต้น่ะ”

salut โพสต์ 2012-8-16 09:51:40

พอพี่เชษฐ์พูดจบก็เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัวผม หัวใจผมที่ยังรู้สึกมีความสุขอยู่กลับวูบลง ผมมองหน้าพี่เชษฐ์ก็กลับพบว่า รอยยิ้มที่มีอยู่เมื่อสักครู่กลับกลายเป็นใบหน้าที่แสดงออกว่าแม้แต่ตัวพี่เชษฐ์เองยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง เสียงเล็กๆในหัวผมก็ได้พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า ไม่จริงใช่มั้ย พี่ล้อผมเล่นแน่เลย จนเมื่อผมได้มองหน้าพี่เชษฐ์นั่นแหล่ะคัรบ ว่าพี่เค้าไม่ได้พูดเล่น
   “พี่ไปสามปีแค่นั้นแหล่ะ พี่ก็จะกลับมา”พี่เชษฐ์พูดอย่างเป็นห่วง
   “สามปีแค่นั้นเองครับ ผมรอได้” ผมหันไปบอกพี่เชษฐ์ แล้วพยายามยิ้มออกมา แม่ว่ามันจะดูเป็นยิ้มที่ฝืนๆหน่อยก็ตาม ใช่ ผมต้องเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้พี่เชษฐ์เป็นห่วง แม้ตอนนี้ผมอยากจะร้องให้ก็ตาม พอพูดจบผมก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินลงไปที่ทะเล หยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วขว้างมันออกไป สามปี สามปี สามปีแค่นั้นเอง ผมพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น
   “คนบางคนเฝ้ารอที่จะอยู่เพื่อคอยในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่เค้าก็ยังมีความหวังที่จะคอย”
ผมเหลือเวลาที่จะอยู่กับพี่เชษฐ์อีกเพียงแค่อาทิตย์เดียว ก่อนที่พี่เขาจะย้ายลงไปทางใต้ แต่ผมก็ยังทำตัวเป็นปกติ ตอนนี้ผมต้องเข้มแข็งไว้ เพื่อไม่ให้พี่เชษฐ์เป็นห่วง แม้ว่าในใจของผมจะอ่อนแอเมื่อได้รู้ว่าต้องจากกัน ตอนนี้พี่ศักดิ์กับพี่กวาก็หมั้นกันเรียบร้อยครับก็คงจะแต่งตอนสิ้นปีนี้ล่ะ พี่เชษฐ์เค้าเป็นคนวางแผนไว้ครับ เมื่อตอนที่รู้ว่าต้องลงไปช่วยงานทางใต้ แล้วพี่ศักดิ์ก็เล่าให้ฟังว่า พี่ศักดิ์รู้ว่าพี่เชษฐ์ต้องย้ายไปใต้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่พี่เชษฐ์เค้าห้ามไม่ให้พี่ศักดิ์บอกผม เพราะกลัวว่าผมจะเสียใจ พี่เค้าอยากทำให้ผมมีความสุขที่สุด กับเวลาที่เหลืออยู่นี้
   ผมก็ยังทำงานของผมไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้คิดอะไรมากกับเรื่องของพี่เชษฐ์ แค่สามปีเอง แป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว ผมชอบปลอบใจตัวเองว่าอย่างนั้นตอนนี้ก็เหลือเวลาอยู่แค่วันเดียว พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่พี่เชษฐ์ต้องไปช่วยงานทางใต้
   “เดี๋ยวช่วงนี้เรามาดู SMS กันดีกว่าค่ะ ว่าทางผู้ฟังส่งอะไรมาบ้างมีอยู่ข้อความหนึ่งนะคะใช้ชื่อว่า ผู้กองขอเพลง กุมภาพันธ์มา งั้นเราจัดเป็น Fast Request ให้เลยค่ะ…....................................” เสียงดีเจจากรายการวิทยุที่ผมฟังเป็นประจำ
   “คงเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนขีดโชคชะตา
สร้างฉันและเธอให้มา ให้ได้พบเจอกัน
ให้ฉันได้มีโอกาส ลิ้มรสในความชื่นบาน
ให้เรามีกัน มีวันเวลาที่ดี
และเป็นที่ฟ้าเบื้องบน เป็นคนพรากเราเช่นกัน
ให้เวลาเพียงแค่นั้น กลับต้องเสียเธอไป
ฉันรู้ว่าไม่มีหวัง จะเหนี่ยวและรั้งเธอไว้ข้างกาย
จะทำยังไงก็คงไม่มีหนทาง
หากชีวิตฉันต้องขาดเธอไป จะเป็นยังไง
ชีวิตคงไร้ความหมาย และเหมือนไร้พลัง
ร่างกายที่เคยอดทน ก็คงไม่มีกำลัง
ไม่มีความหวังให้ฉันได้ชื่นหัวใจ
แค่เพียงพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา มองไปไม่เจอเธอ
แค่นึกก็ทำให้เพ้อ หวั่นและไหวในใจ
ถ้าเราจะต้องจากกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
คงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะต้องเสียใจ
หากชีวิตฉันต้องขาดเธอไป จะเป็นยังไง
ชีวิตคงไร้ความหมาย และเหมือนไร้พลัง
ร่างกายที่เคยอดทน ก็คงไม่มีกำลัง
ไม่มีความหวังให้ฉันได้ชื่นหัวใจ
แค่เพียงพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา มองไปไม่เจอเธอ
แค่นึกก็ทำให้เพ้อ หวั่นและไหวในใจ
ถ้าเราจะต้องจากกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
คงรู้ใช่ไหมว่าฉันจะต้องเสียใจ

เสียใจจนตาย....................”
เสียงเพลงดังออกมาอย่างแผ่วเบาจากลำโพงวิทยุ ผมถอนหายใจ แล้วเหม่อมองออกไปนอกตึก ไกลออกไป พระอาทิตย์กำลังลับหายไปในเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าใกล้เข้ามา
บทที่สิบสามเมื่อฟ้าเปลี่ยนสี (วันของการจากลา)

เลิกงานวันนี้พี่เชษฐ์ก็มารับผมกลับบ้านด้วยครับแต่วันนี้พี่เชษฐ์ไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซด์มารับ เพราะพี่เค้าคืนรถไปแล้ว เราสองคนก็ต้องนั่งรถเมล์กลับเหมือนฟ้าจะแกล้ง พอลงจากรถเมล์เท่านั้นแหล่ะคัรบ ฝนก็ตกลงมาโครมเบ้อเร่อ ตายละหวา ลืมเอาร่มมาด้วย
   “เห้อ ฝนบ้า ทำไมต้องตกตอนเราจะเดินเข้าบ้านทุกทีเลยอ่ะคัรบ” ผมบ่นให้พี่เชษฐ์ฟัง
   “ฝนไม่ได้บ้าหรอก มันก็ตกของมันอยู่แบบนี้แหล่ะ ตากฝนหน่อยจะเป็นรัยล่ะครับ”
   “อื้ม งั้นใครถึงบ้านช้าเป็นคนเอาผ้าไปซักแล้วกัน ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วผมก็ออกวิ่ง พี่เชษฐ์ก็พูดว่าออกมาว่าขี้โกงแล้ววิ่งไล่ตามผมมา เสียงหัวเราะของผมกับพี่เชษฐ์ดังมาตลอดทางเข้าบ้านผมวิ่งมาถึงบ้านก่อนครับ ผมเลยเปิดประตูเข้าบ้านก่อน แล้วพี่เชษฐ์ก็เดินตามเข้ามา ตอนนี้เราสองคนเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย ผมเลยเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้พี่เชษฐ์ผืนหนึ่งก่อน เพื่อที่จะให้พี่เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเอาไปซัก (ตอนนี้มีเครื่องซักผ้าแล้วครับ ปั่นแล้วก็รีดได้เลย) ตอนนี้เราสองคนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวคนละผืนครับ
   “อื้ม เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ”ผมบอกพี่เชษฐ์แต่ในจังหวะนั้นเอง พี่เชษฐ์ได้ดึงผมเข้าไปกอด แล้วก็ระดมจูบผมทั้งหน้า ตัวผมก็เริ่มอ่อนลงและพร้อมที่จะมอบทุกอย่างในตัวผมให้อย่างเต็มใจ เวลานั้นผมให้พี่เชษฐ์ตักตวงความสุขจากตัวผมให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะให้ได้ เพราะผมรู้ว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อไปนี้ เราสองคนก็ต้องจากกันแล้ว
   ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพี่เชษฐ์ ร่างที่เปลือยเปล่าของเราสองคนกอดกระชับกันแน่น พี่เชษฐ์ลืมตาขึ้นมาแล้วจูบที่หน้าผากผมเบาๆ แล้วเราสองคนก็มองตากัน เหมือนจะเก็บภาพนี้ไว้ตลอดพี่เชษฐ์ค่อยๆดึงมือผมขึ้นมา แล้วก็ถอดแหวนทองเหลืองออกจากนิ้วชี้ของพี่เค้ามาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมแล้วพูดเบาๆว่า
   “พี่ฝากไว้นะ อย่าทำหายล่ะ อีกสามปีเดี๋ยวพี่กลับมาเอาคืน” ผมเอาแหวนวงนั้นมาดูก็พบว่ามันเป็นแหวนรุ่นโรงเรียนตำรวจนั่นเอง   
   “พี่ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะมีคนมารับแล้ว” พี่เชษฐ์พยักหน้าแล้วค่อยๆลุก นุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปอาบน้ำ ผมเลยลุกขึ้นหาเสื้อผ้ามาใส่แล้วเปิดที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเครื่องแบบที่พี่เชษฐ์เลือกไว้ก่อนที่จะจัดลงไปในกระเป๋าทั้งหมด ผมเอามาวางไว้ที่เตียง แล้วหยิบเอาตรากับดาวมาติดที่เสื้อ ผมยืนมองดูเครื่องแบบของพี่เขาด้วยความเศร้าระคนกับความภูมิใจเสียใจที่พี่เชษฐ์จะต้องจากผมไปแต่ แต่ผมก็ภูมิใจอยู่เหมือนกัน กับหน้าที่ความรับผิดชอบของพี่เชษฐ์ ที่ต้องไปปกป้องดูแลประชาตามที่เขาได้แสดงเจตน์จำนงค์ไว้ คิดอะไรอยู่เพลินๆ พี่เชษฐ์ก็เดินเข้ามา ผมพยายามยิ้มไว้อยู่ เสมอ เพื่อที่จะไม่ให้พี่เขาต้องเป็นห่วงผมอยู่ช่วยพี่เชษฐ์แต่งตัว เวลาที่ผมกลัดกระดุมลงไปแต่ละเม็ดนั้น ผมรู้สึกว่ามือผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นผมต้องเข้มแข็ง อีกสามปีเอง พี่เชษฐ์ก็จะกลับมาผมคิดซ้ำไปซ้ำมา พอดีที่ผมช่วยพี่เชษฐ์แต่งตัวเสร็จ ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่เค้า ก็พบว่าพี่กำลังยิ้มให้ผมอยู่ ดวงตากลมสีน้ำตาล ก็ได้ส่งแววตาที่อบอุ่นมาให้ผมอยู่เสมอ
   “พี่ต้องไปแล้วนะ อยู่กับพี่ศักดิ์เค้าดีๆ อย่าดื้อ จำไว้นะครับ เป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็ง” พี่เชษฐ์บอกลาพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดผมกอดพี่เขาแน่นเหมือนกับว่าอยากจะจดจำทุกอย่างไว้กับตัวเองให้ได้มากที่สุด พอผมผละออกมาจากพี่เขาแล้ว ผมก็ถอดพระที่ผมใส่ตั้งแต่เด็กสวมคอพี่เชษฐ์ไป แล้วผมก็ช่วยหิ้วกระเป๋าเดินออกมา พี่ศักดิ์ยืนอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนรอส่งพี่เชษฐ์อยู่เหมือนกันแล้วก็มีรถมาจอดรอแล้วด้วย
   “เฮ้ย กูฝากโมด้วยมึงสัญญาไว้กะกูแล้วนะ” พี่เชษฐ์ฝากฝังผมไว้กับพี่ศักดิ์
   “เออ กูจะดูแลเหมือนน้องกูเลย มึงก็รีบๆกลับมาล่ะ สามปีมันแป๊บเดียวเอง”พี่ศักดิ์พูดพร้อมกับตบที่ไหล่พี่เชษฐ์เบา
   “ เออ กูไปล่ะ โม พี่ไปก่อนนะ”ผมพยักหน้าแทนคำตอบเพราะผมพูดไม่ออกแล้วตอนนั้น พี่เชษฐ์ตะเบ๊ะให้พวกเราหนึ่งที แล้วเปิดประตูขึ้นรถไป พอประตูปิดเรียบร้อยคนขับก็นำรถออก ผมกับพี่ศักดิ์มองดูรถที่ขับออกไปจนลับตา แล้วเข้ามาบีบที่ไหล่ผมเบาๆเหมือนจะปลอบใจ ผมเงยหน้ามองพี่ศักดิ์แล้วพูดอออกมาว่า
   “เราไปทำงานดีกว่าครับ สายแล้วล่ะ”
   “อื้ม ไปสิ แฟนไม่อยู่อย่านึกว่าจะหาเรื่องไม่ไปทำงานนะ ฮะๆๆๆ” พี่ศักด์ล้อผม
   “เหอะ ใครกันแน่ แอบเอาเวลางานไปหาสาวน่ะ”
   “เอ้อย้อนเหรอ มาให้เตะซะดีๆ” แล้วพี่ศักดิ์ก็วิ่งไล่เตะผมไปรอบๆ เห้อ สามปี สามปี ไม่นานหรอก

salut โพสต์ 2012-8-16 09:52:51

บทสุดท้ายตะวันยังมีให้เห็น

พฤษภาคม 2550
   พี่เชษฐ์ก็ย้ายไปทำงานได้เกือบหนึ่งปีแล้ว แต่ระยะทางก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกไกลจากพี่เขามากมาย แต่ผมกลับรู้สึกรักพี่เชษฐ์มากขึ้นทุกวัน ผมกับพี่เขาก็ได้โทรคุยกันบ่อยๆครับ แต่กับข่าวที่เสนอออกมา มันก็รุนแรงกับความรู้สึกผมมากเหมือนกัน แต่ผมก็ทำได้แค่ภาวนาให้พี่เชษฐ์กลับมาหาผมอย่างปลอดภัยเท่านั้นเอง
   เช้าวันหนึ่งผมได้โทรไปหาพี่เชษฐ์
   “ว่าไงครับ ลิงน้อย” เสียงพี่เชษฐ์ทักทายมาตามสาย ตอนนี้ยังเช้าอยู่
   “ง่ะ โทรมาปลุกครับ ไปทำงานได้แล้ว”
   “อื้ม ตื่นแล้วครับ แต่งตัวเสร็จแล้วล่ะ วันนี้ต้องไปส่งครูที่โรงเรียนด้วย”
   “ครับ ผมคิดถึงพี่เชษฐ์ครับ” ผมบอกไป
   “พี่ก็คิดถึงโมครับ และพี่มีอะไรจะบอกด้วย” พี่เชษฐ์เงียบไป เหมือนทำให้ผมอยากรู้ “อีกสามสี่วันพี่จะกลับกรุงเทพพักร้อนน่ะ”
   “หา จริงเหรอครับ เย้ ดีใจจัง”ผมร้องออกมาด้วยความดีใจพี่เชษฐ์จะกลับมาแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน
   หลังจากที่วางสายไปแล้ว ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันที
   “เป็นอะไรน่ะ โม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย มีอะไรดีๆเหรอ” พี่ศักดิ์ถามผม
   “ฮี่ๆ คือแบบนี้ครับ เมื่อเช้าผมคุยกับพี่เชษฐ์ พี่เค้าบอกมาว่าอีกสามสี่วันเค้าได้ลาพักร้อนแล้วจะขึ้นมากรุงเทพน่ะครับ” ผมบอกพี่ศักดิ์ไป
   “อื้ม จริงอ่ะ ก็ดีสิ ก็จะได้กลับมาฉลองวันเกิดโมงัย” อ้อ จริงด้วยสิ อาทิตย์หน้าวันเกิดผมนี่นา ลืมไปเลยเรา
ผมกับพี่ศักดิ์ก็ขับรถไปถึงที่ทำงานกันครับ พอผมเดินออกจากลิฟท์และกำลังจะเปิดประตูสำนักงานเข้าไปนั้นเอง
   “แกร๊งงงงงงงง.................................”
ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรตกกระพื้นเลยก้มลงไปดู ก็เจอแหวนรุ่นที่พี่เชษฐ์ให้ผมไว้ ซึ่งตอนนี้ผมหาสร้อยมาร้อยแล้วคล้องไว้ที่คอ ตกกลิ้งอยู่ที่พื้น
   “อ้าว ขาดได้ยังไงเนี่ย”ผมอุทานพลางก้มลงเก็บขึ้นมา
   “มีอะไรเหรอ โม” พี่ศักดิ์โผล่หน้าเข้ามาถาม
   “เปล่าครับ แค่สร้อยคอมันขาดน่ะ” ผมพูดแล้วเอาแหวนกับสร้อยเก็บใส่กระเป๋าไว้

ผมก็ทำงานของผมไปตามปกติครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก พอสักครู่หนึ่งประมาณสิบโมงได้ มีโทรศัพท์เข้ามายังพี่ศักดิ์
   “สวัสดีครับ สุรศักดิ์ครับ........... ห๊า อะไรนะคัรบ.....” พี่ศักดิ์ทำหน้าตกใจแล้วหันมามองผมแว่บหนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปคุยข้างนอก พอพี่ศักดิ์เข้ามาอีกที ผมก็สังเกตุได้ว่า ตาพี่ศักดิ์แดงๆเหมือนเพิ่งร้องให้มา ก่อนที่ผมจะถามอะไรนั้น พี่เขาก็พูดขึ้นมาก่อน
   “โม เดี๋ยวพี่ไปธุระก่อนนะ”แล้วพี่ศักดิ์ก็คว้าเอาเสื้อแจ๊คเก็ต และกุญแจรถเดินออกไป ผมก็คิดว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
   วันนั้นทั้งวัน ผมก็นั่งไม่ติดที่ครับ รอว่าเมื่อไหร่พี่ศักดิ์จะเข้ามา ใครพูดอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ผมพยายามมองโลกในแง่ดีครับ บอกว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก แล้วตอนนั้นมีอะไรไม่รู้มาทำให้ผมนึกถึงพี่เชษฐ์พี่เชษฐ์เหรอ...ไม่น่ะ..พี่เชษฐ์ต้องไม่เป็นอะไร ผมก็ภาวนาให้อย่าเป็นเหมือนที่ผมคิดเลย
   พอประมาณบ่ายสองพี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามา ดูจากสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ พอเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่ง พี่เขาก็ให้ผมออกไปกับเขาหน่อย
   “โม เดี๋ยวเราไปกับพี่หน่อยนะ เก็บของเราเลย พี่ไม่เข้ามาแล้ววันนี้” พี่เชษฐ์บอกผม
   “ไปไหนอ่ะคัรบ พี่” ผมถามขึ้น แต่พี่ศักดิ์ก็ได้แต่นิ่ง ยิ่งทำให้ผมใจไม่ดีมากขึ้นด้วย
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ในรถกับพี่ศักดิ์ ผมก็ได้ยินแต่ความเงียบ เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ผมก็ไม่กล้าถามพี่ศักดิ์ด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ศักดิ์ก็ได้ขับรถพาผมกลับบ้าน พอถึงบ้านแล้ว พี่เขาก็พาผมไปยังโซฟา แล้วพี่ศักดิ์ก็ได้ลงมานั่งข้างๆ พร้อมกับเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้
   “โม ทำใจดีๆ แล้วฟังพี่นะ”พี่ศักดิ์ได้พูดขึ้น
   “คือ .....เชษฐ์เค้าเสียแล้ว”

salut โพสต์ 2012-8-16 09:54:16

พี่เชษฐ์เสียแล้ว” ผมพูดออกมาอย่างลำบาก“พี่ศักดิ์ล้อผมเล่นใช่เปล่าครับ”   พี่ศักดิ์ส่ายหน้าแทนคำตอบ
   “เชษฐ์เค้าสู้กับโจรที่มาดักยิงครูเมื่อเช้านี่เอง มันโดนยิงไปสี่นัด นัดหนึ่งเข้าที่ขั้วหัวใจ” พี่ศักดิ์บอกผม
เป็นไปไม่ได้ เมื่อเช้าเรายังคุยกันอยู่นี่ อีกสามสี่วัน พี่เค้าก็จะกลับมาหาผมแล้ว แล้ว... แล้วทำไมพี่เค้าถึงจะทิ้งผมไปล่ะ หลายเหตุผลที่ผมคิดเข้าข้างตัวเองในตอนนั้น ว่าเป็นไปไม่ได้ พี่เชษฐ์กำลังมาหาผมนี่ เป็นไปไม่ได้ เหมือนมีใครสักคนสักคนเอามีดมาบั่นคอผมออกไป ความรู้สึกของผมมันชาไปหมด น้ำที่เอ่ออยู่รอบๆตาผม กำลังไหลลงมา แต่ในความรู้สึกทั้งหมดนั้น ก็มีเสียง เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม
   “เป็นแฟนตำรวจต้องเข็มแข็งไว้นะ”เป็นเสียงของพี่เชษฐ์ที่พร่ำบอกกับผมอยู่เสมอ
พอผมนึกได้ดังนั้นแล้ว ผมก็ทำให้พี่ศักดิ์รู้สึกแปลกใจ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติกลับมา เช็ดน้ำที่อยู่ในตาออกไป ใช่ ผมต้องเข้มแข็ง ต้องอดทนไว้ ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องให้ออกมา นายโม นายต้องทำได้ ผมบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้านผมไป ปิดประตูห้องนอน แล้วล้มตัวลงบนเตียง ผมหยิบเอาแหวนรุ่นที่พี่เชษฐ์ให้ผมไว้ อออกมาดูทั้งคืน ผมหลับไปพร้อมกับคำพูดในหัวว่า
   “พี่เชษฐ์ครับ พี่อยู่ไหน ผมคิดถึงพี่ครับ”
   ตอนเช้าผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนคนมาเคาะที่ประตูห้อง
   “โม ตื่นยัง” พี่ศักดิ์นั่นเอง
ผมเดินลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เจอพี่ศักดิ์อยู่ในชุดสูทสีดำ ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ยังเห็นผมในชุดที่ใส่เมื่อวาน ก่อนที่จะพูดขึ้นกับผมด้วยน้ำเสียงที่สงสารผมว่า
   “ไปอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวจะได้ไปรับเชษฐ์มัน” ผมพยักหน้ารับคำแล้วเดินไปทำตามที่พี่ศักดิ์บอก สักครู่หนึ่งผมก็แต่งตัวเสร็จ ผมอยู่ในชุดสูทสีดำเหมือนพี่ศักดิ์ แต่ตอนนั้นผมกินอะไรไม่ลง เลยได้บอกพี่ศักดิ์พาผมออกไปเลย พี่เขาก็ขับรถพาผมออกไปยังวัดที่จะใช้ตั้งศพพี่เชษฐ์ พอผมไปถึงก็เจอกับตำรวจเต็มไปหมด ผมเลยขอพี่ศักดิ์นั่งอยู่ตรงท้ายศาลา พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรสักครู่หนึ่งผมก็เห็นตำรวจยกศพพี่เชษฐ์ลงมาจากรถ แล้วเอาร่างของพี่เขาตั้งไว้ตรงกลางศาลา เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ตอนนี้ร่างของพี่เชษฐ์นอนสงบนิ่ง มีธงชาติไทยคลุมอยู่ นั่นคงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพี่เขาแล้ว ที่ได้สละตัวเองเพื่อคนอื่น ผมมองคนที่มาร่วมงาน พากันเวียนไปรดน้ำศพพี่เชษฐ์ ตอนนี้ใจผมลอยเหมือนคนไม่ได้สติ แล้วผมก็รู้สึกตัวตอนที่มีคนมาจับไหล่ผมพี่กวานั่นเอง
   “โม เป็นยังไงบ้าง ฮึ” พี่กวาถามแล้วเอามือมาลูบศรีษะผม
   “อ้าว พี่กวา มาด้วยเหรอ” ผมถามกลับไป เมื่อรู้ว่า เป็นพี่กวา
   “ก็คุณศักดิ์โทรไปบอกพี่เมื่อวานน่ะ พ่อกับแม่เค้าก็ตกใจ ไม่นึกว่าคุณเชษฐ์จะไปเร็วแบบนี้ ว่าแต่เราไม่เป็นไรนะ”
   “อื้ม ผมไม่เป็นไร” ผมพูดแล้วก็พยายามยิ้ม เพื่อให้พี่กวารู้สึกว่าผมไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง สักพักหนึ่งพี่ศักดิ์ก็เดินเข้ามาหา
   “โม ไปรดน้ำพี่เขาหน่อยไป เดี๋ยวก็จะได้บรรจุศพแล้ว” พี่ศักดิ์บอก
   ผมเดินเข้าไปหาพี่เชษฐ์ ร่างพี่เขาสวมชุดตำรวจเต็มยศนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ธงชาติ สีหน้าพี่เชษฐ์ดูนิ่งสงบเหมือนจะรับรู้ว่า ได้กลับมาหาผมแล้ว ไม่เหมือนกับที่พี่เค้าต้องเจ็บปวดมาก่อน ผมหยิบขันน้ำด้วยมือที่สั่นระริกแล้วรดลงไปที่มือของพี่เชษฐ์ ขณะที่ผมกำลงัจะร้องให้ออกมานั้น เสียงหนึ่งก็ดังเขามาในหัวของผม
         “เป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็งนะ”
ผมรดน้ำพี่เชษฐ์เสร็จแล้ว ก็กลับมานั่งตรงที่เดิมมองดูคนกำลังยกร่างพี่เชษฐ์เข้าไปในโลงแล้วยกเข้าไปตั้งในศาลาที่ได้ประดับด้วยดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็เอาธงชาติคลุมทับโลงอีกที ผมมองภาพต่างๆเหล่านั้นเข้ามาในสมองโดยที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย สุดท้ายผมก็เห็นคนค่อยๆทยอยเดินออกไปจากศาลา แต่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหาผมแล้วเข้ามาจับที่ไหล่ พี่เจ้าบ่าวนั่นเอง แล้วความหลังก็ย้อนเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง
   “ลูก เอ๊ยไม่ใช่ คนพิเศษน่ะ” เสียงของพี่เชษฐ์ตอนที่แนะนำผม
พี่เจ้าบ่าวในวันนั้นเข้ามาหา แล้วก็จับที่ไหล่ผมเบาๆ ส่งสายตาเหมือนให้กำลังใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วก็เดินออกจากศาลาไป จวบจนทุกคนที่มางานกลับ เหลือแต่ผมนั่งอยู่ตรงนี้
   “โม กลับได้แล้วป่ะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาฟังสวด” พี่ศักดิ์บอกผม ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า
   “พี่ครับ ผมขอไม่มาแล้วนะคัรบ” ผมบอกกับพี่ศักดิ์ไป
   “อ้าว ทำไมล่ะ” พี่เขาแปลกใจ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่มองไปยังโลงศพของพี่เชษฐ์ แต่ดูเหมือนพี่ศักดิ์จะเข้าใจอะไรเลยพูดออกมาว่า ตามใจเราแล้วกันแล้วพวกผมก็กลับบ้านครับ พี่กวาก็ขอกลับอยุธยาก่อน เพราะลาราชการไม่ได้ เลยจะมาอีกทีวันเผาแล้วกัน
หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้ไปงานศพพี่เชษฐ์อีกเลย ผมก็ไปทำงานตามปกติของผม พยายามทำตัวให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพี่ศักดิ์ก็แปลกใจอยู่เล็กๆกับปฏิกิริยาของผม
   “โม พี่ถามหน่อยสิ เราไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” พี่ศักดิ์ถามผม
   “ผมก็เสียใจครับ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ร้องให้ไปใช่ว่าพี่เค้าจะฟื้น พี่เชษฐ์บอกผมอยู่ตลอดล่ะคัรบ ว่าเป็นแฟนตำรวจต้องเข้มแข็ง” พี่ศักดิ์เลยหายสงสัย แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ ถึงยังไงเวลาที่ผมอยู่คนเดียวผมก็ได้แต่นั่งเหม่ออยู่เหมือนกันนั่นแหล่ะ
วันนี้แล้วสินะ ที่พี่เชษฐ์จะจากผมไปเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเช้าพี่ศักดิ์ก็เข้ามาถามผมว่า วันนี้เป็นวันเผาพี่เค้าแล้ว ผมจะไม่ไปเหรอ ผมก็ยืนยันคำเดิมนั่นแหล่ะครับ ผมไม่อยากที่จะเสียความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพี่เชษฐ์ กับการที่ต้องเห็นพี่เค้าเข้าไปยังเชิงตะกอน มันเป็นสิ่งเดียวในตอนนั้นที่ผมยังไม่ยอมรับ ผมมองดูเวลาอีกครั้ง ก็รู้ว่าจวนได้เวลาที่พี่เชษฐ์ต้องกลับไปเป็นเถ้าถ่าน ผมก็ได้เดินเข้าไปยังห้องพี่เชษฐ์แล้วฟุบลงบนที่นอน พอผมล้มตัวลงไปแล้ว เหมือนรู้สึกว่ามีสายลมอุ่นๆ พัดเข้ามาในห้องเหมือนกับมีใครมากอดผมไว้ พร้อมกับได้กลิ่นของพี่เชษฐ์ ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอีกครั้งหนึ่ง
   วันต่อมาผมหลังจากเลิกงานแล้ว(จำได้ว่าวันนั้นผมเข้างานครึ่งวันแล้วก็ไม่มีอารมณ์ทำงานเลยออกมาก่อน) ผมก็ได้มานั่งเหม่ออยู่หลังบ้าน รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นพี่ศักดิ์หอบกล่องกระดาษมาใบหนึ่ง ข้างบนกล่องกระดาษนั้นก็มีกล่องสเตนเลสสีดำใบหนึ่งวางอยู่ด้วย พี่ศักดิ์หอบของพวกนี้เข้ามาแล้วเอามาวางไว้ข้างๆผม
   “อื้ม ของไอ้เชษฐ์มันน่ะ” พี่ศักดิ์บอกผมแล้วเดินออกไป พอพี่เขาออกไปแล้ว ผมก็ค่อยๆขยับเข้ามายังกล่อง แล้วเปิดดูก็เจอของใช้ของพี่เชษฐ์เช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค กรอบรูปซึ่งมีรูปที่ผมถ่ายกับพี่เค้าเมื่อตอนไปเที่ยวทะเล แผ่นซีดีที่ผมส่งไปให้ เสื้อผ้า พอค้นลงไปอีกก็เจอตลับใส่พระที่ผมให้พี่เชษฐ์ไปเมื่อตอนที่พี่เค้าย้ายลงไปใต้และสุดท้ายก็เป็นไดอารี่เล่มหนึ่งวางอยู่ก้นกล่องแล้วผมก็มาเปิดกล่องสเตนเลสสีดำออกดู ก็เจอกับห่อผ้าที่ใส่เถ้ากระดูกของพี่เชษฐ์ไว้ ผมนิ่งไปแล้วความทรงจำอย่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหัว

salut โพสต์ 2012-8-16 09:54:45

บทสุดท้าย ตะวันยังมีให้เห็น ณ ขอบฟ้าที่แสนไกล สักวันผมคงได้ไปหาพี่




“ไปกระบี่ เที่ยวสองทุ่ม ที่หนึ่งครับ”ผมบอกคนขายตั๋ว ที่ทำหน้าตาแปลกๆเมื่อเห็นผมใส่ชุดสูทสีดำเดินเข้าไปซื้อ ตอนนี้ผมมาที่สถานีรถสายใต้ครับ เพื่อไปทำบางอย่าง ให้พี่เชษฐ์เป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งรอจนได้เวลาสองทุ่มแล้วไปที่ชานชาลาเพื่อขึ้นรถ ตลอดระยะทางผมได้นั่งกอดกล่องสเตนเลสสีดำไว้ตลอดทางเหมือนกับกลัวว่าจะมีใครมาขโมยไปรถทัวร์มาถึงตัวเมืองกระบี่เมื่อตอนแปดโมงกว่าๆพอมาถึงแล้วก็เจอรถสองแถวหลายคันจอดอยู่
   “ลุงครับ ผ่านทะเลมั้ยครับ” ผมถามลุงที่กำลังโบกรับผู้โดยสารอยู่
   “ผ่านสิ ไอ้หนู่ หาดนพรัตน์ อ่าวนาง ไร่เลย์ จะไปขึ้นเลย” ลุงคนนั้นตะโกนตอบ ผมเลยขึ้นไปนั่งแล้วก็ยังกอดกล่องสเตนเลสสีดำนั้นเอาไว้ เหมือนกับว่า อีกไม่นานก็จะพลัดพรากจากกัน คนอยู่บนรถก็มองผมแปลกๆ สักครู่พอผู้โดยสารเต็มแล้ว โชเฟอร์ก็ออกรถไป ผมนั่งมองดูสองข้างทาง ก็เป็นป่าเขียวขจี เป็นสวนยางพาราบ้างก็สลับกับสวนปาล์ม มีภูเขาหินรูปร่างแปลกๆโผล่ขึ้นมาเป็นระยะ พอสักเกือบๆชั่วโมง ผมก็มาถึงทะเล ซึ่งเรียกว่าหาดนพรัตน์ธาราผมเลยขอลงตรงนี้ จากที่เมื่อเช้ามีเมฆครึ้มไปหมด มาถึงตอนนี้ดวงอาทิตย์เริ่มสาดแสงลงมา ทำให้เห็นภาพน้ำทะเลที่เป็นสีเขียวมรกต เหมือนที่พี่เชษฐ์เล่าให้ผมฟัง ผมลงจากรถแล้วก็เดินไปยังชายหาด วางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นทราย ถอดรองเท้าแล้วค่อยๆเดินลงไปยังผืนน้ำทะเลเบื้องหน้าผมเปิดกล่องสเตนเลส แล้วแก้ปมมัดผ้าห่อเถ้ากระดูกพี่เชษฐ์ออก มือข้างหนึ่งก็กำเถ้าโปรยลงไปยังรอบๆ
   “พี่เชษฐ์ครับ ทะเลสวยมากในที่สุดเราก็ได้มาด้วยกันแล้วนะ ขอให้พี่หลับให้สบายนะครับ” ผมโปรยเถ้าไปจนหมด พักนึงผมก็รู้สึกว่า เรี่ยวแรงรวมทั้งความเข้มแข็งทั้งหมดของผมได้หายไปแล้ว ความอ่อนแอที่เก็บอยู่ตั้งแต่วันแรกๆที่พี่เชษฐ์จากผมไปได้ทะลักออกมา สองขาของผมก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้ ผมจึงทรุดลงแล้ว......................ร้องให้ออกมา

7มีนาคม2552
   ผมกดเซฟสิ่งที่ผมพิมพ์ไว้ในโปรแกรม Word กับเครื่องโน๊ตบุ๊ค แล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงสุดท้ายหยอกล้อเกลียวคลื่นของทะเลสีเขียวมรกตอยู่ผมมองไปสุดสายตาพร้อมกับความคิดคำนึงของผมถึงคนที่ผมรักสิ้นสุดลง สักวันหนึ่ง ผมคงได้ตามพี่ไปยังสุดขอบฟ้านั่น ขอให้พี่รอผมก่อนนะ
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ตื๊ดดด..................
   “ว่างัยครับ พี่ศักดิ์...... เหรอครับ พี่กวาคลอดแล้วเหรอครับ.........ผู้ชายด้วย ดีๆ ครับ แหม เห็นตอนแรกบอกจะคลอดอาทิตย์หน้าไง ... แต่ก็ปลอดภัยดีนะครับ ดีจัง ต้องรีบกลับไปรับขวัญหลานซะแล้ว ..........อยู่กระบี่ครับ........หา อยากให้ผมตั้งชื่อให้เหรอครับ อืม...........เอาเป็นวรเชษฐ์ แล้วกันครับ....หา ดีเลยเหรอครับ ครับ เดี๋ยวเจอกันครับ”
   หลังจากรับฟังข่าวดีจากพี่ศักดิ์แล้ว ผมก็เก็บของขึ้นรถ ก่อนที่จะหันไปมองทะเลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพูดว่า
“พี่เชษฐ์ครับ ผมคิดถึงพี่ครับ”

regis โพสต์ 2012-8-17 00:26:30

ซึ้งมากครับ ชอบมากเลย ขอบคุณมากๆครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9
ดูในรูปแบบกติ: แฟนผมเป็นตำรวจ (copy ผมชอบมากเรื่องนี้)